Let it go, let it go
Can’t hold it back anymore
Let it go, let it go
Turn away and slam the door…
หยุดก่อน
.
.
ถึงหัวข้อนี้มีชื่อ ELSA – ชื่อเดียวกับเจ้าหญิงหิมะจากอาณาจักรเอเรนเดลล์ ที่มีพลังพิเศษสามารถเสกความหนาวเย็นให้กับสิ่งรอบตัวได้ แต่วันนี้เราไม่ได้มาคุยกันเรื่องเจ้าหญิงผมบลอนด์ ถักเปียยาวสวยเก๋คนนี้หรอกค่ะ เราจะมาพัฒนาทักษะการออกเสียงภาษาอังกฤษกันต่างหาก
หลายครั้งหลายคราที่เรามักจะได้ยินเพื่อนๆพูดว่าพาร์ท Speaking ใน PTE Academic ยากที่สุด แค่ตั้งใจฟังก็เหนื่อยแล้ว ไหนจะต้องมานั่งนึกอีกว่าต้องตอบให้ครอบคลุมใจความสำคัญและตรงประเด็น ใช้ศัพท์ในระดับวิชาการ แล้วต้องพูดให้ Fluent อีก บร๊ะ! ทำไมการสปีคอิงลิชมันวุ่นวายขนาดนี้เนี่ย
หนึ่งในปัญหาการสอบพาร์ท Speaking ของชาวไทยคือ ‘การออกเสียง’ อันนี้ไม่ได้มั่วขึ้นมาเองนะคะ แต่มาจากรีวิวต่างๆ และประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยสอนภาษาอังกฤษให้เพื่อนๆ อย่างพวกติวการพูดภาษาอังกฤษเวลาต้องพรีเซ้นท์งานกลุ่ม บางคนก็มาให้เราช่วยเล่นบทบาทสมมุติเป็นอาจารย์สอบ Speaking .ฮา. ตรงนี้แหล่ะที่ทำเรารู้เลยว่าการออกเสียงตัวสะกด การออกเสียงให้ถูกต้อง หรือความลื่นไหลในการพูดภาษาอังกฤษมันเป็นเรื่องที่ต้องฝึก ต้องพัฒนา และแน่นอนว่าต้องใช้เวลาด้วย เพราะการออกเสียงในภาษาอังกฤษมันเป็นคนละเรื่องกับภาษาไทยเลย อย่างในภาษาไทยของเราไม่มีการเน้นเสียงสูงต่ำ ถึงจะมีวรรณยุกต์ก็ตาม แต่เวลาออกเสียงก็จะค่อนข้างเป็นโทนเดียวกัน ในภาษาอังกฤษเขาจะมีเสียงสูงเสียงต่ำ จะมีการเน้นเสียง (stress เสียง) อย่างเช่น Beautiful, Subject, Believe และถ้าฟังดีๆ จะมีการออกเสียงตัวสะกดพวก –st, -s, -ed, -t รวมไปถึงเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่มักจะเป็นปัญหาสำหรับชาวไทย
ถามว่าเรามีปัญหาในการออกเสียงภาษาอังกฤษไหม ขอตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า มีค่ะ ส่วนตัวเรามักจะมีปัญหากับเสียง ch กับ sh มาตลอด ลองออกเสียงไรก็สลับกันไปมาทุกที ลองฟังเจ้าของภาษาพูดให้ฟังช้าๆชัดๆ ถามว่าแยกเสียงออกไหม? คำตอบคือไม่ .ฮา.
แล้วถ้าเราบอกว่าเรามีแอปพลิเคชั่นที่จะมาช่วยเรื่องการออกเสียงให้ชัดขึ้น ผู้อ่านจะสนใจกันไหมคะ?
แอปฯนี้มีชื่อว่า ELSA Speak
ELSA เป็นแอปพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ แนวคิดการสร้างแอพลิเคชั่นตัวนี้ริเริ่มโดย Van Dinh Hong Vu (หรือ Vu Van) เนื่องมาจากตัวเธอเองได้ประสบปัญหาเฉกเช่นเกียวกับคนที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มักจะเป็นกันคือ การมี Thick accent (การมีสำเนียงแบบที่ไม่ใช่ Native speakers) รวมถึงการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วอยู่ดีๆคุณ Vu Van ไม่ได้คิดอยากจะทำแอปฯอะไรพวกนี้ขึ้นมาแบบปุ๊ปปั๊ปหรอกนะคะ แต่เธอมองเห็นปัญหาพวกนี้ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจพวกเราเป็นอย่างดีตอนที่เธอต้องย้ายจากเวียดนามมาอเมริกาดินแดนแห่ง KFC เอ้ย! ดินแดนของลุงแซม เพื่อเรียนต่อและทำงาน ซึ่งเมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี Native speakers เธอจึงเข้าใจปัญหาได้อย่างดีเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้วคุณ Vu Van ก็เอาชนะอุปสรรคพวกนี้ได้ แล้วเธอก็ได้ใช้ประสบการณ์ที่เธอมีปัญหาในการออกเสียงภาษาอังกฤษมาพัฒนาแอปพลิเคชั่น ELSA ให้ทุกคนได้ใช้กันค่ะ
ELSA ถูกออกแบบมาให้คล้ายๆกับการมีผู้ช่วยเคียงข้างคุณ ผู้ช่วยคนนี้จะคอยสนับสนุนให้เราออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง แอปพลิเคชันนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ไม่ได้มาเพียงแค่ฟังก์ชันการตรวจสอบการออกเสียงของคุณ แต่คุณยังสามารถเลือกระดับความยากง่ายในการออกเสียงได้ หากคุณเลือกโหมด Advanced คุณจะได้เจอรูปแบบการฝึกออกเสียงที่เป็น text ยาวๆ และยังจะได้รับการประเมินเกรด รวมไปถึงมีระบบการติดตามการพัฒนาในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณให้อีกด้วย หากผู้อ่านท่านใดอยากศึกษาเพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่ https://elsaspeak.com/en/
ภายใน ELSA ประกอบไปด้วยบทเรียนมากกว่า 1000 บท ซึ่งเขาเคลมว่ามันคลอบคลุมทุกทักษะและหัวข้อสำหรับผู้เรียนทั้งระดับ Beginner และ Advanced โดยผู้ใช้งานสามารถดูพัฒนาการการเรียนของคุณได้ตลอดเวลาว่าต้องพัฒนาตรงส่วนไหนเพิ่มบ้าง แต่ยังค่ะ เท่านี้ยังไม่พอ เพราะ ELSA เธอไม่ได้มาแค่ยืนสวยๆ เพราะตัวแอปฯยังมี Dictionary ที่จะลิ้งค์ไปยัง YouTube เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้นในเรื่องบริบทการใช้งาน การออกเสียงแบบ Native หรือการอธิบายความหมายหัวข้อ ฯลฯ
พร้อมไหมคะ? พร้อมที่จะออกเสียง…
Sheet ไม่ใช่ Shit
Crab ไม่ใช่ Crap
myPTEjourney เจอแอปพลิเคชั่นตัวนี้ระหว่างการดู YouTube ซึ่งเอาจริงๆคือไม่ได้กำลังหาอะไรมาประเทืองสมองนะคะ กำลังดู The Face season 3 อยู่ .ฮา. ก็แหม…ขอดูอะไรที่เบาๆสมองบ้างเนอะ ดราม่านิดๆ มันคือความสุขของเรา แล้วโฆษณาที่ปกติเราจะรีบกดข้ามก็โผล่มา (อีกแล้ว) โฆษณาแอปฯตัวนี้โผล่มาประมาณ 2-3ครั้งได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พอตอนกำลังดู The Face อยู่ก็เลยตัดสินใจดูให้จบว่ามันคืออะไรกันแน่ ก็รู้สึกว่าน่าสนใจดีค่ะ เพราะเห็นหลายๆคนที่ไปสอบ PTE Academic พาร์ท Speaking มักจะมีปัญหา และอยากปรับปรุงเรื่อง Pronunciation
ก่อนที่จะผลีผลามโหลดอะไรเข้ามาในตัวเครื่อง เราก็ไปดูรีวิวก่อน โดยวิดีโอรีวิวแรกที่เราเลือกดูคือ Billie English ผู้หญิงผมยาวที่ดูใจเย้นนนใจเย็น
รวมๆแล้วดูเขา soft ดีเนอะ ^^ ก็อาจจะเป็นเพราะเขาได้รับการสปอนเซอร์จากตัวแอปฯเองด้วย การพูดถึง ELSA จึงเป็นอะไรที่เป็นองค์รวมเสียมากกว่าว่า ELSA มีอะไรบ้าง มีบทเรียนที่จะช่วยพัฒนาการออกเสียงให้กับคนที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิดแบบไหน แล้วก็ทดลองการใช้งานแต่ละบทเรียนให้ดู พร้อมแนะนำทริคเล็กๆน้อยๆว่ามีปุ่มให้ออกเสียงช้าลงได้ หรือมีลิ้งค์ออกไปยัง YouTube เพื่อให้เห็นตัวอย่าง แต่วินาทีที่ 6.35 คุณ Billie ลองออกเสียงเพี้ยนๆเพื่อที่จะลองดูว่าตัวโปรแกรมจะแสดงผลออกมาอย่างไร โดยผลปรากฏออกมาว่ายัง Excellent ซึ่งตัวคนรีวิวเองก็มีอาการแปลกใจนิดๆ o_o
อีกรีวิวหนึ่งที่ทำเราสะดุดตาต้องคลิกมาดูว่าโหลดแอปพลิเคชั่นนี้มาใช้จะคุ้มหรือเปล่า ก็คือรีวิวของ English Hacks โดยคุณ John และที่ทำให้เรารู้สึกสนใจมากกว่ารีวิวของ Billie English คือนอกจากจะเป็นการรีวิวดิบๆด้วยตัวเองไม่มีใครสปอนเซอร์ YouTube ของเขายังมีสโลแกนว่า Natural American English. English Hacks. Think like a native, Learn English Better. แล้วทำไมเราถึงสนใจข้อความตรงนี้? ก็เพราะว่าเขาจะไม่ได้สอนให้พูดแบบ Native แต่จะเป็นการสอนให้คิด และยังคง ‘ความเป็นธรรมชาติ’ ไว้
รีวิวของ John เป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับเรา นายคนนี้ไม่ได้รีวิวแบบงานเบสิกพื้นๆเหมือนวิดีโอแรก แต่เน้นเจาะไปที่ระบบการให้คะแนนการออกเสียง โดยเฉพาะนาทีที่ 1.49 นาย John ได้คะแนนการออกเสียงที่ 86% ถือว่าอยู่ในระดับ Advanced ซึ่งคุณยังไม่ใช่ Native นะจ๊ะ ตา John ก็เหวอสิ่ ฉันไม่ยอม ฉันจะสู้ต่อ เพราะฉันคือฝรั่งอเมริกันของจริงนะจ๊ะเธอจ๋า ขอลองออกเสียงอีกรอบ แต่เอาให้ชัดขึ้นกว่าเดิม แบบช้าๆชัดๆ แต่ก็ยังได้คะแนนที่ 95% จนบ่นว่า “I don’t know what to do” จากนั้นนายคนนี้ก็ใช้คติเดียวกับเราคือ Move on ต่อไป .ฮา.
ท้ายสุด John มีความเห็นว่าเจ้าแอปฯ ELSA เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ไม่สามารถเชื่อถือได้ซะทีเดียว อย่างเรื่องการออกเสียงในชีวิตคนเราจริงๆนั้นไม่จำเป็นตั้งออกเสียงให้ชัดเป๊ะๆ แต่ควรจะออกเสียงให้มันเป็นธรรมชาติ เป็น Native ที่เป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเขาไม่เชียร์แอปพลิเคชั่นนี้ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นดราม่านิดๆ (แหม่…ไวเชียวนะเรา) เพราะมีคอมเม้นท์มาแย้ง Youtuber คนนี้ว่า “เฮ้ย! ทำมาบอกว่ามันไม่โอเคหล่ะ ฉันใช้อยู่และก็คิดว่ามันดีมากๆด้วย การสอนให้ออกเสียงชัดเจนในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ดีออก!” ตา John เลยอธิบายว่า “ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีเลยนะ แต่การพูดภาษาอังกฤษให้เป็นะรรมชาติน่ะ แอปฯ ELSA มันไม่ได้ตอบสนองในเรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่องออกเสียงชัดน่ะมันก็ใช่ แต่ไม่ใช่เรื่องของความเป็นธรรมชาติเหมือนที่คนจริงๆเขาพูดกัน” และคอมเม้นท์ที่เป็นดราม่านี้ก็มีตอบกันไปมา ส่วนเรื่องใครถูกใครผิดคงจะไม่มี เพราะการใช้ ELSA ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคุณเองล้วนๆว่าคุณอยากพัฒนาภาษาอังกฤษไปในรูปแบบไหนค่ะ