การสอบ PTE จะมีเรื่องให้ต้องพูดแนะนำตัวเองก่อนทำข้อสอบพาร์ทแรก (Speaking & Writing) ตรงนี้แน่นอนว่าต่างจาก IETLS และ TOEFL … ตอนแรกนึกว่า TOEFL จะต้องแนะนำตัวเองกับคอมพิวเตอร์ก่อนสอบ แต่พอไปอ่านรีวิวของหลายๆท่านทำให้ทราบว่าไม่มีในส่วนนี้เช่นกัน หาก myPTEjourney ให้ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับ TOEFL อย่างไร ก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย เนื่องจากไม่เคยไปสอบเลย
เหตุที่ PTE ต้องมีการแนะนำตัวเองก็เพราะหากเราต้องการให้ทาง Pearson ส่งรายงานคะแนนของเราไปยังสถาบันที่เราต้องการจะเรียนต่อ เขาก็จะแนบไฟล์เสียง Personal introduction ไปให้กับทางสถาบันด้วย ฟังดูอาจจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่สำหรับเรา เรามองว่าการแนะนำตนเองคือด่านแรกในการสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟัง… เราลองนึกดูเวลาสอบสัมภาษณ์เรียนต่อในไทย หรือเวลาสัมภาษณ์งานดูก็ได้ ผู้สัมภาษณ์ก็จะบอกว่า ‘ช่วยแนะนำตัวเองด้วยครับ/ค่ะ’ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ที่จริงแล้วเราสามารถใช้ระยะเวลาตรงนี้งัดส่วนที่เจ๋งๆในประวัติเราออกมาให้ผู้ฟังรับทราบได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้
นอกจากนี้ทางสถาบันที่ได้รับไฟล์เสียงการแนะนำตัวของเราไป เขาก็ยังใช้ส่วนนี้เพื่อเป็นสิ่งยืนยันตัวตนของผู้สมัครได้อีกทางหนึ่งด้วย
หลังจากเข้าห้องสอบไปแล้ว ใส่หูฟัง เราก็นั่งอ่าน Instructions ไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าจอที่เค้าให้เราแนะนำตัวเอง โดยเป็นการพูดใส่ไมค์ ระยะเวลาในการแนะนำตัวเองนั้นมีทั้งหมด 30 วินาที โดยเราจะมีโอกาสในการพูดแนะนำตัวเองเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น! หน้าจอสำหรับ Personal Introduction สามารถศึกษาได้ดังแสดงตามรูปด้านล่างค่ะ
หากใครไม่ได้อ่านบทควมของ myPTEjourney อาจจะไม่ทราบว่ามีส่วนนี้ด้วย (ใน Mock test ไม่มีส่วนนี้ แต่ข้อสอบจริงทุกคนต้องเจอแน่นอนค่ะ) ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจไป หากอยู่ในสนามสอบแล้ว ขอให้ท่านคุมสติไว้ เดี๋ยวสติจะกระเจิงก่อนได้ทำข้อสอบส่วนที่เหลือ … จากรูปด้านบนจะเห็นได้ว่าบุคลาการที่ออกข้อสอบก็ยังพอมีความเมตตาอยู่บ้าง โดยเขาจะมี Guideline มาให้ว่า ‘หากคุณไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็ให้พูดตามหัวข้อนี้นะ’ (ส่วนนี้คล้ายกับ IETLS ใน Speaking skill ที่มีบัตรคำและมีหัวข้อย่อยๆ บอกใบ้ให้เราคิดเรื่องมาพูด ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างหนึ่งเลย)
ในส่วนของ Personal Introduction ทาง myPTEjourney ได้แตกรายละเอียดพร้อมคำอธิบายเข้าใจง่ายไว้แล้วค่ะ
ส่วนที่ 1
ส่วนนี้จะบอกเราว่าให้เราทำอะไรบ้าง?
‘ให้เวลา 25 วินาทีในการเตรียมตัวพูดแนะนำตัวเอง’
หากเป็นไปได้อยากแนะนำให้ผู้เข้าสอบทุกท่านพูดให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด เป็นตัวของตัวเอง เพราะอะไรน่ะหรือ? ถึงแม้ในส่วนนี้จะไม่มีการให้คะแนนก็จริง แต่หากใครเลือกให้ทาง PTE ส่งคะแนนไปให้สถาบันการศึกษาโดยตรง ทาง PTE เขาจะส่ง Personal Introduction ของเราไปให้การสถานบันการศึกษาในฝันของเราด้วย! ตามที่เราได้เกริ่นไว้ย่อหน้าด้านบนๆ
ฉะนั้นแล้วหากใครอ่านมาถึงตรงนี้ อยากให้คุณเตรียมบทแนะนำตนเองสั้นๆเอาไว้เลย ซักซ้อมให้พร้อม และพยายามประหม่าให้น้อยที่สุด ถึงเราจะมีสคริปเตรียมตัวมาก็จริง แต่พอถึงวันสอบจริงก็พยายามพูดให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด อย่าเร็วเกิน อย่าช้าเกิน ลองนึกว่าหากคุณเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการคัดเลือกคนเข้าสอบ คุณก็คงอยากฟังอะไรที่มันรื่นหูใช่ไหมล่ะ?
ส่วนที่ 2
หัวข้อในการแนะนำตัว
ในส่วนนี้หากใครไม่ได้เตรียมตัวมาก็ไม่ต้องตกใจ (แต่เตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด เขาก็จะมีหัวข้อเผื่อให้เราเป็นไอเดียว่าจะพูดอะไรดีในกรณีที่คิดไม่ออก) หัวข้อที่ให้มาเหมาะสำหรับนักเรียนที่จะไปศึกษาต่อนะต่างประเทศ
- Your interests
- Your plan for future study
- Why you want to study abroad
- Why you need to learn English
- Why you choose this test
ซึ่งถ้าหากใครไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสอบ PTE เพื่อไปเรียนต่อ อาจจะสอบไปเพื่อการย้ายถิ่นฐานเพื่อการทำงาน หรือติดตามคู่สมรสก็ตามแต่ บทที่พูดก็คงต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ส่วนที่ 3
กล่องแสดงสถานะ Recording และเวลาให้เรารู้ว่าเริ่มพูดได้และใกล้หมดเวลาเมื่อใด
เจ้ากล่องนี้จะมาทักทายเราอยู่เสมอหากมีการพูดเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่ myPTEjourney อยากให้ผู้สอบ PTE ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอคือ พูดเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเท่านั้น อย่าพูดก่อนได้เสียงเสียงปี๊ป! แถบสีฟ้าคือแถบที่แสดงให้เราเห็นว่าเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่ สำหรับเวลาที่ให้เราพูดแนะนำตัวเองทั้งหมดคือ 30 วินาที
เพื่อสร้างความประทับใจ และยืนยันตัวตนของผู้สมัคร
myPTEjourney
เหมือนจะไม่สำคัญ แต่สำคัญ เพราะมันเป็นส่วนแรกที่เราจะต้องเริ่มพูด เริ่มอัดเสียงและถูกนำไปใช้จริงๆ โดยส่งไปให้สถาบันทางการศึกษา (ไม่ได้มีคะแนนอะไรหรอก แต่เพื่อความประทับใจกับคนที่จะได้ยินการแนะนำตัวของเรา และทางมหาวิทยาลัยก็ใช้การแนะนำตัวส่วนนี้เพื่อเป็นการระบุตัวตนของผู้สมัครอีกทาง – ขอเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่ง) และยังเป็นส่วนแรกก่อนการเริ่มทำข้อสอบจริงอีกด้วย