By ถึงแม้จะพอรู้ว่าแนวข้อสอบเป็นอย่างไร มีการสอบเเบบไหนบ้าง ไหนจะมีรีวิวเยอะแยะโดยชาวต่างชาติที่ชอบมาถกประเด็นข้อสอบ PTE อยู่เสมอๆ แต่มันก็ไม่อุ่นใจเท่ากับการอ่านรีวิวจากคนไทยด้วยกัน อย่างน้อยก็พอเป็นแนวทางได้ว่าข้อสอบนี้มันพอถูกจริตกับชาวไทยหรือปล่าว เพราะแต่ไหนแต่ไรมาในหมู่ประชากรชาวไทยเรามักจะได้ยินแต่การสอบ TOEIC IELTS TOEFL กันจนคุ้นหู มีสถาบันต่างๆ ติวเตอร์รายบุคคลเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นการสอบ PTE ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยอยู่มาก
แน่นอนว่าเวลาเราต้องการหาข้อมูลอะไร เราก็ต้องเข้า Google แต่ด้วยความที่อยากจะอ่านรีวิวคนไทยด้วยกันก็ต้องต่อด้วยคำว่า ‘รีวิว’ แหล่ะเนอะ เพราะเราเองก็อยากจะหาเพื่อนคนไทยที่เคยผ่านชะตากรรมการสอบ PTE มาก่อน อยากจะรู้ว่าความรู้สึกของพวกเขาเป็นยังไง แล้วเราก็พบว่าคนที่รีวิวเกี่ยวกับการสอบ PTE ก็มีอยู่หลักๆ 3 ที่เนี่ยแหล่ะ อ่านไปอ่านมา อ่านซ้ำอ่านเวียนวนไปมาทั้งก่อนตัดสินใจสอบ PTE และระหว่างรอสอบ PTE เผื่อความมั่นใจมันจะมีมากขึ้นในช่วงก่อนไปสอบ ซึ่งปกติเวลาเราจะไปสอบภาษาอังกฤษ เรามักจะให้เวลาตัวเองก่อนไปสอบเป็นระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน (ประมาณนี้) แนะนำให้ทุกคนจองเวลาสอบไว้เลย เพราะถ้าหากเราอ่านไปเรื่อยๆ ทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะพร้อมเสียสักที
ก่อนการสอบครั้งแรก มหกรรมการตามล่าหารีวิวจึงเกิดขึ้น
รีวิวท่านที่ 1
เว็บแห่งการหาข้อมูลต่างๆ ไปที่ Google แล้วพิมพ์ รีวิวสอบ PTE แล้วตามด้วย Pantip ได้เป็น “รีวิวสอบ PTE pantip” ก็เจอกระทู้รีวิวตามนี้ >>> PTE Academic Test สมาธิไม่เจ๋งจริง พูดไม่ลื่นไหลจริง อย่าไป!<<< เนื้อหาในกระทู้เป็นสาวชาวไทยที่แต่งงานไปอยู่เมืองนอก ประเทศฟินแลนด์ จากข้อมูลที่เจ้าของกระทู้ให้ไว้คือคุณเจ้าของกระทู้ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ไปสอบ TOEIC ทั้งหมด 5 ครั้ง ถึงจะได้คะแนน 770 ทีนี้เจ้าของกระทู้ต้องการสมัครเรียนต่อป.โทที่ฟินแลนด์ และจากการที่ผิดหวังมาจาก IELTS และ TOEFL มาแล้วทั้งเรื่องคะแนนเอย ทั้งสมัครสอบไม่ได้เอย เลยตัดสินใจมาซบอก PTE โดยต้องการคะแนน 51 จากเต็ม 90 (อ่านมาถึงตรงนี้เรานี้ยิ้มกริ่มเลย ของเราต้องได้ 79 ขึ้นไปทุกพาร์ท … รอยยิ้มของเรานั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่)
ทีนี้เจ้าของกระทู้ต้องการสมัครเรียนต่อป.โทที่ฟินแลนด์ และจากการที่ผิดหวังมาจาก IELTS และ TOEFL มาแล้วทั้งเรื่องคะแนนเอย ทั้งสมัครสอบไม่ได้เอย เลยตัดสินใจมาซบอก PTE โดยต้องการคะแนน 51 จากเต็ม 90 (อ่านมาถึงตรงนี้เรานี้ยิ้มกริ่มเลย ของเราต้องได้ 79 ขึ้นไปทุกพาร์ท … รอยยิ้มของเรานั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่)
ในกระทู้ก็รีวิวว่าคนที่จะไปสอบเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แต่ละพาร์ทของข้อสอบมีอะไร ผู้เข้าสอบมีกี่คน อย่างเจ้าของกระทู้เค้าสอบที่ฟินด์แลนด์ แล้วเค้าพูดเรื่องลักษณะสนามสอบที่ต้องนั่งติดกัน ติดกันแบบว่านั่งข้างๆกันเลยทีเดียว ซึ่งถึงแม้ว่าจะอยู่คนละซีกโลก แต่ข้อมูลเรื่องที่นั่งสอบ PTE ทำให้เราพอทราบว่าสนามสอบที่อื่นก็คงจัดคล้ายๆกัน แน่นอนว่าเมื่อต้องนั่งติดข้างกันขนาดนี้ก็ต้องมีปัญหาเรื่องเวลาพูด เสียงของคนที่นั่งข้างเราต้องดังมาเข้าหูเราแน่ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจจะฟังก็ตาม แต่หูมันดันได้ยินเอง โดยคนที่นั่งอยู่ข้างคุณเจ้าของกระทู้นี้ดันเป็นชาวอินเดีย! ผู้ซึ่งพูดเสียงดังมาก – พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราก็คงได้แต่ภาวนาให้เราเจอแต่คนรู้จักความพอดีด้วยเถิด
จากนั้นเจ้าของกระทู้ก็ทักในเรื่องเสียงของข้อสอบจะมีเสียงรบกวนใน record นั้นๆด้วย เพราะมันอัดมาจากของจริง อัดมาจากการสัมภาษณ์จริง จากพวกconference หรืองานสัมนาพวกนี้ ทำให้เราพอจะจินตนาการได้เลยว่าพวกเสียง background noise พวกนี้ก็คงจะเป็นแบบเสียงคนในงาน เสียงพูดใส่ไมค์ที่อาจจะได้ยินไม่ค่อยชัดแบบเสียงที่อัดในห้องอัดเสียงแบบข้อสอบ IETLS เสียงสะท้อนจากการพูดในห้องประชุม
สุดท้ายคุณเจ้าของกระทู้ก็ไม่สามารถทำตามคะแนนที่หวังไว้ได้ ได้ 48 จาก 90
รีวิวอันนี้เหมือนเพื่อนเล่าเรื่องให้ฟัง คือไม่ใช่มีแต่ด้านดีของการสอบอย่างเดียว แต่มันดีมากเลยตรงที่เขาได้มาพูดถึงปัญหาที่เกิดให้ฟังด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ก็คงมีแต่ตัวเราเองนี่แหล่ะที่ต้องตั้งจิตให้มั่น ไม่ไหวหวั่นไปกับสิ่งใด
รีวิวท่านที่ 2
รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ทำให้เราเริ่มเทใจไปสอบ PTE >>>IELTS ยากไปไหม มาลอง PTE กันดีกว่า<<<
เนื้อหาในกระทู็นี้ถือว่ามีประโยชน์มากๆเลย เนื้อหามาเน้นๆ อธิบายเป็นขั้นเป็นตอนมาก คุณเด็กแป้นแล้นเจ้าของกระทู้น่าจะเจอปัญหาคล้ายเราๆจึงมาสอบ PTE โดยคุณแป้นแล้นมีการเปรียบเทียบข้อสอบระหว่าง IETLS และ PTE อย่างชัดเจนแบบแยกเป็นทีละพาร์ทเทียบกันให้เห็นจะๆว่าต่างกันอย่างไร พร้อมด้วยความคิดเห็นส่วนตัวต่อการสอบ PTE ในพาร์ทนั้นๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลย เพราะมันทำให้เรารู้ว่าปัญหาที่เราจะเจอในข้อสอบ PTE มันมีอะไรบ้าง จะได้ปรับตัวได้มัน แล้วยิ่งคุณเด็กแป้นแล้นมีปัญหาในเรื่อง writing เหมือนเราอีก ผ่านการสอบ IETLS มาก่อนแบบเดียวกันอีก เลยพอจะเป็นแนวทางให้เราได้เป็นอย่างดีว่าควรจะฝึกฝนตรงส่วนไหนให้มากขึ้น จากนั้นเจ้าของกระทู้ก็ตบท้ายด้วยการเปรียบเทียบลำดับความยากง่ายของการสอบ IETLS และ PTE โดยทำภาพให้เห็นชัดเจนคือการเรียงลำดับจากง่ายไปยาก โดยแยกระหว่าง IETLS กับ PTE
ที่น่ารักอีกอย่างคือคุณเด็กแป้นแล้นมีการแนะนำหนังสือสำหรับผู้ที่จะสอบ PTE ด้วย โดยเฉพาะ PTE Test of Academic English ตัวเราเองก็ใช้เล่มนี้อยู่ หนังสือเล่มนี้อธิบายการสอบแต่ละพาร์ทได้ละเอียดมาก เราขอแนะนำอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ อ่านหนังสือเล่มนี้จะเข้าใจรูปแบบการสอบได้ภายในเล่มเดียวเลย และคุณเด็กแป้นแล้นยังจะให้แหล่งความรู้ดีๆที่ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มไว้ให้มือใหม่มือเก่าได้เอาไปเพิ่มพูนทักษะความรู้กันได้ตามสบาย สรุปจบด้วยข้อเสียในการสอบ PTE ตามความคิดเห็นส่วนตัวของคุณเด็กแป้นแล้น ถือว่าเป็นการรีวิวที่ดีเพราะทุกสิ่งอย่างไม่ได้มีแต่ด้านดีอย่างเดียว ข้อเสียที่เจ้าของกระทู้ได้พบเจอมาได้ถูกแยกเป็นข้อๆให้เราเข้าใจง่าย ส่วนที่เหลือก็ให้ผู้อ่านไปพิจารณาตามใจชอบ
คุณเด็กแป้นแล้นมาเฉลยความรู้สึกส่วนตัวว่าจริงๆแล้ว PTE ง่ายกว่า IETLS ตามที่เขาล่ำลือกันหรือไม่ ซึ่งคำตอบของคุณเจ้าของกระทู้นี้บอกว่าจริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับคนสอบว่าแบบไหนเป็นแบบที่เราถนัดมากกว่า (myPTEjourney – ฉะนั้นแล้วก็เลือกสิ่งที่เราถนัดเถอะนะ คะแนนคุณจะออกมาสมหวังแน่นอน)
รีวิวท่านที่ 3
>>>รีวิวการสอบ PTE แบบไม่เตรียมตัวไปสอบเลย<<< เป็นรีวิวที่อ่านแล้วคลายเครียดดี คนอะไรไม่เตรียมตัวไปสอบแต่สอบผ่านนะจ๊ะ
เจ้าของรีวิวเป็นชายหนุ่มที่ต้องการเรียนต่อ ซึ่งตอนแรกเขาว่าจะสอบที่อเมริกาแต่เกิดปัญหารูดบัตรเครดิตไม่ผ่าน เลยต้องกลับมาสอบที่ไทย เตรียมตัวด้วยความพร้อมเต็มที่โดยศึกษาแนวข้อสอบ 2 วันก่อนสอบ (นายแน่มากเพื่อน) เจ้าของโพสต์นี้พอเจอลักษณะข้อสอบภาษาอังกฤษแบบบูรณาการของ PTE เข้าไป ก็รู้ซึ้งถึง ‘ความปราบเซียน’ ของข้อสอบ เท่าที่ประเมินคงทราบแล้วว่าอ่านด้วยตัวเองคงจะไม่ไหว เลยให้พี่ที่เป็นเอเจนซี่ช่วยติวข้อสอบให้
เจ้าของโพสต์บรรยายความรู้สึกที่ตอนที่ได้ลองทำข้อสอบ PTE พาร์ท Writing เขาบอกว่าหัวข้อที่ให้มายากมาก (myPTEjourney – สำหรับเราเรามองว่าหัวข้อพอๆกับข้อสอบ IETLS นะ เพียงแต่ว่าเวลาในการเขียนที่มีให้มันน้อยกว่ามากถ้าเทียบกับ Part 2 ของ IETLS ที่ปกติเรามักจะแบ่งมาเวลามาเขียนส่วนนี้ 40 นาที) ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจถึงความรู้สึก ก็ไม่รู้ว่าจะฮาหรือจะสงสารดี คือเราเข้าใจนะ เวลาเราเตรียมตัวไม่พร้อมแล้วเพิ่งมาตระหนักว่าข้อสอบยากแบบไม่เห็นแสงสว่าง ณ ปลายอุโมงค์มันเป็นยังไง อย่างไรก็ตามเจ้าของโพสต์เขาก็มีตัวเลือกเผื่อไว้แล้วว่าถ้าสอบได้ไม่ถึงเกณฑ์จะทำอย่างไร คือจากที่เราอ่านรีวิวนี้เจ้าของโพสต์เขาเสียดายเวลา เอามากๆ ถึงแม้ว่าเจ้าของโพสต์จะมีตัวเลือกให้เลือกพอสมควรอยู่หากเกิดว่าสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ คือ 46 จาก 90
หลังจากที่เจ้าของโพสต์คิดไปสะระตะว่ามีโอกาสสูงที่จะสอบไม่ผ่าน เขาเลยเลือกที่จะทำใจให้สบาย พอถึงตอนสอบก็ทำข้อสอบแบบงงๆ ความรู้สึกได้ครึ่งไม่ได้ครึ่ง ที่น่าสนใจคือ เจ้าของรีวิวมีการทักเหมือนกระทู้รีวิวแรกด้านบนเลย ‘ถ้าสมาธิไม่ดีจริงๆ อย่าไปสอบเลย’
สอบเสร็จก็ออกมาจากห้องสอบแบบงงๆ (อันนี้เราก็เป็นบ่อย เหมือนโดนข้อสอบอัดหน้ามา) รอ ร้อ รอ คะแนนอยู่ 6 วัน ช่วงระยะเวลาการรอคะแนนนี่มันลุ้นระทึกนะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าของรีวิวก็สอบผ่านด้วยคะแนน 58 จาก 90 … ยินดีด้วยจ้า
รีวิวของแต่ละท่านด้านบนเป็นข้อมูลที่เราหาก่อนไปสอบครั้งแรก คือวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. 2019 ตอนนั้นรีวิวที่ละเอียดจริงๆมีอยู่น้อยมาก เท่าที่เห็นก็ 3 ที่ตามที่กล่าวไปด้านบนนี่แหล่ะ แต่ละคนก็เล่าเรื่องราวของตัวเองไปคนละแบบคนละสไตล์ มีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือการทำคะแนนให้ได้ตามที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ myPTEjourneyต้องขอขอบคุณข้อมูลจากทุกท่านมาก มันมีประโยชน์กับเรามากในหลายเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัว การจัดที่นั่งสอบ(ข้อนี้สำคัญนะ สมาธิหลุดไม่หลุดนี่ข้อนี้มีส่วนสำคัญเลย) แนวข้อสอบว่าต่างจาก IELTS ตรงไหน เชื่อแล้วล่ะว่าทำไม‘ข้อมูล’ถึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เป็นสิ่งที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจระดับประเทศได้เลย