จุดเริ่มต้น ฝ่าฟัน เป้าหมาย

จุดเริ่มต้น-ฝ่าฟัน-เป้าหมายสอบ PTE

สอบครั้งแรกคะแนนไม่ได้ตามเป้าหมาย 

เสียเวลา เสียใจ
.
.
.
ย่อมมีความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดา 

เชื่อเถอะว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดกับคุณแค่คนเดียว เพราะเราเองก็เคยผ่านมาก่อน แต่คราวนี้ ลองมาฟังเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ดูค่ะ ด้วยฝันที่อยากใช้ชีวิตในดินแดนที่ดีกว่าเดิม และแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ให้กับทุกๆคน จากจุดเริ่มต้นในการเลือกที่จะสอบ PTE Academic เจออุปสรรคจากปัจจัยภายนอกและภายใน จนได้คะแนนตามหวังในที่สุด

“สำหรับคนที่สอบ PTE แล้วได้ 90 คะแนนมาอย่างสวยงาม เรื่องราวของผมอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องตลก แต่สำหรับคนที่กำลังมีปัญหาในทำคะแนนให้ได้ 65 ในแต่ละพาร์ท ผมเชื่อว่าเรื่องราวของผม คงช่วยเหลือคุณได้ไม่มากก็น้อย”

aussie_dreamz_0209

ตุลาคม 2015 
ตัดสินใจที่จะขอ PR ประเทศออสเตรเลียและเตรียมตัวสอบ PTE  เพราะเพื่อนๆผมบอกผมว่าคะแนน 79+ ในแต่ละพาร์ทเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดๆ!!! ก็เลยลองศึกษารูปแบบการสอบ (เชื่อผมเถอะตอนนั้นน่ะ ข้อมูลการสอบ PTE บนโลกออนไลน์มันมีน้อยมาก ไม่เหมือนปัจจุบันนี้หรอก) ก็เลยไปหาพวกหนังสือฝึกสอบ IELTS มั่วๆแทน (ข้อผิดพลาดที่ 1)

ธันวาคม 2015
เดือนนี้ ผมมีปัญหาส่วนตัวเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ลองสอบ PTE Mock Test ดู และผมก็รู้ใน 10 นาทีแรกเลยว่า ‘ผมทำไม่ได้’ โดยเฉพาะ Describe image!! คะแนนออกมาแย่สุดๆ Overall 55 คะแนน (โดยเฉพาะคะแนนพาร์ท Speaking ได้ประมาณ 40!!) มันน่าหดหู่และความหวังก็เหมือนจะปลิวหายไปกับตา
ผมก็พยามดูวิดีโอเกี่ยวกับการเยียวยาตัวเอง (Oman Sani’s TED Talks และ Arunima Sinha) แล้วก็คุยกับเพื่อนๆเกี่ยวกับการสอบ PTE Academic ซึ่งพวกเขาก็ให้กำลังใจผมได้อย่างดีเลย

2 มกราคม 2016
กลับถึงบ้านตอนตี 3 หลังจากไปดูดอกไม้ไฟที่ London bridge แล้วก็ตื่นตอน 9 โมงเช้า ลองทำข้อสอบ PTE แล้วก็ลองทำ Fill in the blanks และ Re-order paragraphs

 มกราคม-มีนาคม 2016
เตรียมตัวสอบและเริ่มติดตาม expatforum.com ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านเรื่องของ nicemathan (ผมเป็นหนี้คุณนะ เอาไว้ผมเลี้ยงดื่มคุณทีหลังละกัน) แล้วก็ฟังพวก Ted Talks, สุนทรพจน์เปิดเรียนของมหาวิทยาลัย Harvard/Standford สื่อพวกนี้ช่วยผมพัฒนาทักษะการฟังและคำศัพท์ได้ 

มีนาคม 2016
กลับอินเดียและทำ ACS (Skill assessment)
ลองทำ PTE Mock Test 2 วันก่อนสอบจริง (ข้อผิดพลาดที่ 2 ไม่มีอะไรช่วยคุณได้ในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ แล้วทำไมผมถึงยังทำ Mock test นี่อยู่ล่ะเนี่ย!!)  ได้คะแนนสุดจะรันทดมาอีกครั้ง (พาร์ท Speaking ได้อยู่ 20 คะแนน – และผมก็โทษไมโครโฟน) ก่อนสอบ 1 วัน ผมก็ลองหาที่ติว PTE ใกล้ๆแถวที่ผมอยู่ เพราะผมมั่นใจว่าจะไม่ได้คะแนน 65+ ในทุกๆพาร์ทหรอก (ข้อผิดพลาดที่ 3 ขาดความมั่นใจ)

3 พฤษภาคม 2016 
สอบ PTE ครั้งที่ 1Listening 74/ Reading 64/ Speaking 54/ Writing 70
จากคะแนนที่ได้มาครั้งนี้ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าการจะได้คะแนน 65 ในทุกๆพาร์ทเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และข้อสอบจริงก็ง่ายกว่า Mock Test


ช่วงนี้จะเป็นช่วงเข้าโปรแกรมติวสอบ PTE อีกทั้งเป็นช่วงที่ผมก็เริ่มทำงานเป็นกะ และด้านล่างนี้คือตารางแบ่งเวลาชีวิตของผม

ช่วงกะเช้า : ตื่นนอนตอน 5.30 น. เข้าที่ทำงานช่วงเวลา 6.30-15.30 น. กินข้าว นอนที่หอพักบริษัทประมาณ 1 ชั่วโมง เดินทาง 1 ชั่วโมง เริ่ม PTE Class ตอน 18.00-21.00 น. เดินทางกลับบ้านใช้เวลาอีก 1.30 ชั่วโมง เข้านอนตอน 23.00 น.

ช่วงกะบ่าย : ลุกขึ้นจากเตียงเวลา 6.00 น. เดินทางไปที่คลาสติว PTE ตอน 7 โมง คลาสเริ่มตั้งแต่ 9.00 ถึง 12.00 น. จากนั้นก็เดินทางถึงที่ออฟฟิศตอน 14.00 น. ทำงานจนถึง 23.00 น. และถึงบ้านตอนเที่ยงคืนครึ่ง

ช่วงกะดึก : ออกเดินทางไปที่คลาสติว 16.00 น. คลาส PTE เริ่ม 18.00-21.00 น. เรียนเสร็จก็เดินทางไปที่ออฟฟิศ ทำงานตั้งแต่ 22.30 ถึง 7.30 น. จากนั้นก็กลับบ้าน นอนตอน 9.30-14.30 น. (แค่ 5 ชม.เท่านั้น!)

อีกอย่าง ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ผมวิ่งรอบสัมภาษณ์บริษัททั้งหมด 3 บริษัท ส่วนเรื่องคลาสติว PTE ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่มีประโยชน์นะ พวกเขาช่วยผมหาข้อผิดพลาด โดยเฉพาะพาร์ท Speaking กับ Writing

16 กรกฎาคม 2016
สอบ PTE ครั้งที่ 2 – Listening 69/ Reading54/ Speaking75/ Writing 69


ตัดสินใจที่จะไม่ยอมแพ้ เตรียมตัวสอบ PTE อีกครั้ง และยังรู้สึกดีที่ได้พูดคุยปลดปล่อยสิ่งที่เจอมาตั้งแต่วันแรก และช่วงนี้ผมก็กำลังจะเปลี่ยนที่ทำงาน เลยใช้เวลาระหว่างนี้เตรียมตัวสำหรับการสอบครั้งหน้า รวมไปถึงฝึกขับรถ และเข้าคลาสเรียนคีย์บอร์ด (ข้อผิดพลาดที่ 4 พวกเราไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่หรอกนะ ที่จะทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างในช่วงเวลาเดียวกัน อันที่จริงแล้ว ผมควรแค่ใช้เวลาช่วงนี้ศึกษาข้อสอบ PTE อย่างเดียวด้วยซ้ำ)

สอบ PTE ครั้งที่ 3 – Listening 71/ Reading68/ Speaking69/ Writing 75

ในที่สุดก็ได้หายใจทั่วท้องสักที 

แต่…นี่ยังไม่สิ้นสุด เพราะด้วยคะแนน PTE เท่านี้หมายความว่าผมจะได้คะแนนแค่ 60 คะแนนเพื่อยื่น PR ออสเตรเลีย และหลังจากยื่นขอทำการประเมินอาชีพ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือ Software Engineer


สิงหาคม 2016 – กุมภาพันธ์ 2017
อันที่จริงผมไม่เคยได้ทำอะไรในสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบหรอกนะ อย่างการทำงานในสายงาน IT เป็นอะไรที่ผมสมัครใจเอง แต่การเตรียมตัวเพื่อสอบ PTE เทียบได้กับการฝืนกินยาขมลงคอทุกวัน เชื่อผมเถอะว่าผมไม่เคยชอบมันเลย! และรู้สึกแย่กับมันมากๆ โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องเขียน Essay หรือฝึก Describe image นอกเหนือไปจากนั้นก็อ่านโพสต์บน expatforum.com และเช็คอีเมลทุกๆวัน เผื่อว่าผมจะได้รับวีซ่า Subclass 189 แต่ผมก็เข้าใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

เพื่อนๆของผมที่ได้คะแนน 79+ ส่วนใหญ่แล้วมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีมากมาตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียน แต่ผมไม่ใช่อย่างนั้นไง! ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่จะต้องใช้ Has/Have, Do/Does, Play/Plays ผมเลยตัดสินใจเข้าร่วมคลาสปรับสำเนียง หลังจากลงทะเบียนสำหรับเรียน 1 ครั้ง พวกเขาก็พยายามให้ผมลงเรียนครบ 1 เดือน โดยใช้คำพูดหว่านล้อมด้วยเหตุผลงี่เง่าต่างๆนาๆ ตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันคงไม่เวิร์คหรอก (ผมไม่ชอบคนที่พูดไม่เป็นคำพูดน่ะ) สุดท้ายผมก็ได้เงินคืนกลับมา

ผมเข้าร่วมคอร์สแกรมม่าออนไลน์หลายคลาส (unacademy.com) และฝึกฝนผ่าน YouTube ทำการจดโน้ต ซึ่งมันช่วยให้ผมพัฒนาขึ้น นอกจากนั้นหลายคนก็ยังบอกให้ผมอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ผมต้องการที่จะเข้าใจพวกไวยกรณ์ และก็เพื่อจะได้ทวนไปในตัวด้วยว่าผมได้เรียนอะไรมา สมองของผมมีเหตุมีผลขึ้นและทำให้จำอะไรๆได้ดีขึ้น (ส่วนตัวผมเป็นคนที่จำเบอร์โทรศัพท์แทบไม่ได้เลย แล้วก็รวมถึงวันเกิดเพื่อนๆด้วย)

แล้วผมก็เริ่มเชื่อแล้วว่าการได้คะแนน 79+ มันเป็นอะไรที่เป็นไปได้…แต่ไม่ง่าย ผมดูวิดีโอหลายวิดีโอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพยายามอ่านหัวข้อต่างๆ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วก็คิดได้ขึ้นมาว่าทำไมไม่เปิดสอน PTE Online เสียเลยล่ะ! (ผมคิดว่าผมเอาดีทางด้านนี้ได้นะ เพราะเคยสอนสมัยตอนอยู่วิทยาลัย และก็เคยเทรนพวกเด็กใหม่ตอนอยู่บริษัท นอกจากนั้นเนี่ย ระหว่างที่ผมเข้าคลาสติว PTE ผมก็คอยช่วย Support พวกที่เรียนด้วยกัน เพราะตัวเองก็เคยผ่านสนามสอบมาแล้ว รู้ว่ามันเป็นยังไง)

ผมเริ่มโดยการบอกคนที่อยู่ในกลุ่ม WhatsApp ว่าผมสอน PTE แล้วก็เริ่มมีนักเรียนเข้ามา คลาสเป็นไปได้ด้วยดี ผมทำการเตรียมเอกสารการสอนสำหรับนักเรียนด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น นักเรียนที่มาเรียนกับผมก็สอบผ่านเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหนึ่งในนักเรียนของผมได้คะแนนในพาร์ท Speaking ตั้ง 87 คะแนน และมันก็ทำให้ผมรู้สึกเป็นครั้งแรกว่ามันเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีทักษะภาษาอังกฤษปานกลางก็ตาม และนักเรียนที่มาเรียนอีกคนนึงก็ได้คะแนนในพาร์ทนี้ไป 88 คะแนน

ระหว่างนี้ ผมเองก็รอผลจากรัฐ Victoria ซึ่งก็พอจะรู้สึกได้ว่าน่าจะโดนปฏิเสธ และสิ่งนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าจะต้องพยายามให้หนักขึ้นกับการสอบ PTE …และในวันที่ผมได้เมลปฏิเสธจากรัฐนี้ ผมก็สัญญากับตัวเองเลยว่า ผมจะทำอะไรซักอย่างจนกว่าจะเอาชนะข้อสอบ PTE ได้ (นี่เป็นความรู้สึกตอนที่เห็นหลายคนเริ่มได้ Approval จากรัฐ Victoria แต่ผลลัพธ์ของผมกลับตรงกันข้าม)
มาถึงตอนนี้ ก็เริ่มวางแพลนและฝึกทำ PTE อีกครั้ง เริ่มฝึกไปทีละส่วน โดยเริ่มจากหัวข้อง่ายๆไปก่อน เช่น Read aloud กับ Answer short questions ทำ 1 หัวข้อต่อวัน ตะลุย PTE Test Builder และ Pearson PTE หากเมื่อไหร่รู้สึกเหนื่อย ผมก็จะดูวิดีโอเกี่ยวกับ ‘Places to visit in Sydney/Melbourne’ ฝันหวานว่าได้ไปเที่ยว Gold Coast และ Great Ocean Road จริงๆตอนนั้นผมคิดว่าจะไปเที่ยวมาเลเซียหรือไม่ก็ศรีลังกากับเพื่อนๆเพื่อที่จะผ่อนคลายซะหน่อยจาก PTE แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจะเอาความกดดันทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะ PTE ให้ได้ แแล้วก็ทำ Mock Test ด้วยความมั่นใจ

สอบ PTE ครั้งที่ 4 – Listening 81/ Reading 55/ Speaking75/ Writing 65 !!!

ผมรู้สึกว่าพาร์ท Reading เป็นอะไรที่ยากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมฝึกมา ทักษะการอ่านของผมมันแย่จริงๆ ในชีวิตของผม น้อยครั้งที่ผมจะอ่านหนังสือ แล้วก็มักจะหลุดโฟกัสเสมอเวลาอ่าน

แต่ยังไงก็จะทำให้เต็มที่! ผมจัดการจองวันสอบอีกครั้ง ซึ่งช่วงนี้นอกจาก Mock Test ผมก็ไม่ได้ฝึกทำข้อสอบ PTE เลย เชื่อผมเถอะ (เพราะเบื่อ แล้วก็ไม่สนใจที่จะทำเลย) ผมอ่านหนังสือ 4 เล่มในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ หนังสือของ Sidney Sheldon 2 เล่ม Agatha Christie 1 และหนังสือจำพวก Self-help อีก 1 (ข้อผิดพลาดที่ 5 เพื่อนผมแนะนำมาตั้งนานแล้วว่าพยายามอ่านหนังสือของ Sidney Sheldon เพราะมันจะช่วยให้ภาษาอังกฤษดีขึ้นเยอะ แล้วทำไมผมไม่ฟังคำแนะนำนี้ตั้งแต่แรกนะ!) ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นเวลาพูด รวมถึงเชื่อมั่นว่าจะได้คะแนนดี โดยเวลาพูด พยายามพูดให้เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องสนใจเรื่องคอนเทนท์ให้มากนัก (ซึ่งเอาจริงๆไอที่ผมบอกไปเนี่ย พูดน่ะมันพูดง่าย แต่ทำจริงๆมันยาก)

หนึ่งวันก่อนสอบ ผมก็ยังอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่เลย มันช่วยพัฒนาในเรื่องการสะกด ไวยกรณ์ คำศัพท์ และทำให้เข้าใจได้เร็วขึ้น

พฤษภาคม 2017
สอบ PTE แล้วก็เหมือนทุกๆครั้งที่ผู้เข้าสอบคนอื่นๆจะตะโกนใส่ไมค์ ซึ่งทำให้ผมหัวร้อน! แต่โชคยังเข้าข้างที่ได้นั่งตรงมุมพอดี ก็เลยพยายามเข้ามุมมากขึ้นเพื่อที่จะพูดได้สะดวก 

…หลังสอบเสร็จ ผมรู้สึกว่าก็ทำได้นะ ถ้าเทียบกับ 2 ครั้งก่อน…

กลับถึงบ้าน ก็ยังคงอ่านพวกหนังสือภาษาอังกฤษต่อ จากนั้นอีกวัน ผมก็ได้รับอีเมลว่าผลคะแนนออกแล้ว เข้าเว็บไซต์แล้วก็พบว่ารีพอร์ตไม่มีอะไรเลย (ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของการผิดพลาดทางเทคนิค ก็เลยติดต่อไปทาง Chat Support ในวันรุ่งขึ้น ให้เขาทำการแก้ไข) ระหว่างนั้นผมก็เตรียมตัวดูไว้เลยว่าจะสอบครั้งต่อไปเมื่อไหร่ สักพักผมก็เข้าไปเช็คคะแนน แล้วก็ตะโกน…

Yes!!! ผมทำได้

aussie_dreamz_0209

ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดปีกว่ามันจบลงแล้ว ผมทำได้ ผมทำได้! ผมอยากจะกดไลค์รัวๆให้กับ Virart Kohli ตอนที่คะแนนออก แต่ ณ เวลานั้น ผมลืมไปจริงๆ

เอาหล่ะทุกคน ผมไม่ได้ให้เคล็ดลับอะไรในการสอบ PTE เพราะว่าคุณสามารถหาได้บนออนไลน์รวมไปถึงในฟอรั่มนี้ด้วย แต่ด้วยความที่ผมแอบตามอ่านเงียบๆ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะมาโพสต์บอกทุกคนเมื่อผมเอาชนะการสอบได้

เชื่อผมนะ มันเป็นอะไรที่เป็นไปได้ ผมคอยตื่นขึ้นมาเช็คอีเมลตั้งแต่ปีที่แล้ว เผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ได้รับ Invitation จากรัฐ New South Wales แต่อย่างไรก็ตาม อย่ารอ เริ่มลงมือทำซะตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องไปคิดให้มันเยอะ ค่อยๆทำไปทีละสเต็ป และผมเชื่อว่าคุณก็ทำได้!


เป็นอย่างไรบ้างคะกับการเดินทางของ aussie_dreamz_0209 ถึงจะยาวนานและยังไม่สิ้นสุดกระบวนการ เพราะเค้าจะเอาคะแนน PTE ไปยื่นขอ PR แต่สุดท้ายปลายทางคือ เขาทำได้ ท้อได้ พักเบรคได้ แต่อย่าหยุดเชื่อว่า ‘คุณทำได้’

หากใครอยากอ่านเวอร์ชั่น Original เพื่อฝึก Reading Skill สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ https://www.expatforum.com/threads/my-pte-story.1262225/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *