หากใครได้อ่านในรีวิวตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลียจะทราบว่าท้ายที่สุดแล้วเราได้ใช้บริการที่โรงพยาบาลกรุงเทพ แต่จริงๆแล้วมันมีที่มาที่ไปก่อนหน้านั้นค่ะ เพราะตัวเลือกโรงพยาบาลที่เราจะไปตรวจไม่ใช่ที่โรงพยาบาลนี้ แต่เป็นที่อื่นที่รับรองโดยสถานทูตออสเตรเลีย แล้วไงมาลงเอยที่โรงพยาบาลกรุงเทพซะอย่างนั้น?
จากรายชื่อโรงพยาบาลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของ Immigration เราเลือกที่จะใช้บริการโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะว่าสะดวกกับเรามากที่สุดค่ะ แต่อยากแอบกระซิบบอกนิดนึงว่ามีช่วงที่เราคิดแว๊บอยากจะไปตรวจที่ภูเก็ตหรือไม่ก็เชียงใหม่ เพราะช่วงที่เราตัดสินใจยื่นวีซ่าเป็นช่วงที่ Immigration ใช้เวลาในการพิจารณาวีซ่าแบบขึ้นๆลงๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง (ส่วนใหญ่รอนานเป็นเดือนหรือเดือนๆ) อาจจะเพราะออสเตรเลียเริ่มเปิดประเทศด้วยและคนก็สนใจไปประเทศออสเตรเลียกันเยอะ ทำให้คิวตรวจสุขภาพยาวมาก เราเองก็อยากจะรีบตรวจให้เร็วที่สุดเพราะวีซ่าจะเริ่มพิจารณาหลังจากยื่นผล biometrics และผลตรวจสุขภาพ
International Organization for Migration (IOM) ชื่อภาษาไทยคือ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ที่นี่เป็นที่แรกที่เราสนใจจะไปใช้บริการ สืบเนื่องมาจากไม่ค่อยเห็นคนที่อยู่ในกรุ๊ป Line ทีมออสเตรเลียพูดถึงเท่าไหร่ จึงคิดว่าคิวไม่น่าจะนาน ตัดสินใจต่อสายตรงทางโทรศัพท์เพื่อขอนัดคิว พยายามโทรแล้วโทรอีกก็ติดต่อไม่ได้สักที โทรไปทุกเบอร์ที่เขาแจ้งบนเว็บไซต์ พยายามหาช่องทางนัดหมายออนไลน์ก็ไม่เจอแบบงงๆ ลองมาวันสองวันยังไงก็ไม่ได้ จึงถึงเวลาตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมาย (ใครติดต่อเขาได้…ช่วยแจ้งด้วยนะฮะ ว่าติดต่อได้ทางไหน -.-)
Bangkok Nursing Home (BNH) Hospital ชื่อภาษาไทยคือโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เว็บไซต์ดูโล่งโปร่งสบาย เหตุผลที่เลือก BNH เป็นที่ต่อไปก็เนื่องมาจากคนพูดถึงน้อยกว่าโรงพยาบาลกรุงเทพและอาจเป็นเพราะค่าบริการ ณ ตอนนั้นก็อยู่ที่ 5,500 บาทซึ่งถือว่าแพงกว่าโรงพยาบาลอื่นในกรุงเทพฯ มีบริการการนัดหมายออนไลน์แต่เราเลือกที่จะโทรคุยกับ Call Center เพื่อทำการนัดหมาย ผลสรุปว่ากว่าจะได้คิวตรวจสุขภาพก็อีก 2 อาทิตย์หน้า สอบถามเจ้าหน้าที่ขอคิวที่เร็วกว่านั้นก็ไม่มี
เราไม่อยากรอนานขนาดนั้น อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าช่วงระยะเวลาในการรอวีซ่าช่วงนั้นเป็นอะไรที่ทรมานมาก มันช้ากว่าปกติ เรายื่นวีซ่าอาทิตย์แรกของพฤษภาคม บวกไปอีก 2 อาทิตย์แล้วก็บวกเวลาที่ไม่แน่นอนว่าวีซ่าจะออกเมื่อไหร่ อาจจะต้องรอเป็นเดือนหรือสองเดือนแล้วเปิดเทอมต้นเดือนกรกฎาฯ มันถือว่าค่อนข้างกระชั้นชิดไปมาก
Line กรุ๊ปสำหรับคนที่สนใจไปเรียนต่อประเทศออสเตรเลียมีประโยชน์อย่างนึงตรงที่ว่าจะมีการแบ่งปันข้อมูลกัน (**หมายเหตุตัวใหญ่ๆ ข้อมูลนั้นจริงเท็จแค่ไหนเราต้องพิจารณาด้วยตนเองนะคะ) โดยเฉพาะเรื่องไทม์ไลน์ในการรอวีซ่า การนัดหมายตรวจสุขภาพ ฯลฯ …และกรุ๊ป LINE นี่แหละทำให้เราได้คิวตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
เรื่องของเรื่องมันเริ่มต้นที่เราโทรไปขอนัดคิวตรวจกลับทางโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งคิวตรวจก็รอเกือบ 2 อาทิตย์เช่นกัน แต่มีคนในกรุ๊ป LINE ต้องการจะปล่อยคิว เนื่องจากเขาได้คิวที่เร็วกว่านั้น ทางพี่เขาก็ให้ข้อมูลหมายเลขในการนัดหมายกับเรา เพื่อที่เราจะได้โทรไปแจ้งทาง Call Center ของทางโรงพยาบาลว่าจะแทรกคิวของพี่เขาคนนั้น แต่ปรากฏว่าเราโทรไปแล้วทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดข้อมูลการนัดหมายของพี่เขาก็ตาม ต่อรองยังไงก็ไม่ได้ เราเลยบอกพี่คนนั้นไปว่าทางโรงพยาบาลให้สิทธิ์นั้นเราไม่ได้ พร้อมขอบคุณพี่เขาจากใจจริง
แต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ทางพี่เขาบอกว่าเขายังไม่ได้ยกเลิกคิวที่จองไว้บนเว็บไซต์ เดี๋ยวเขาจะยกเลิกให้ แล้วให้เราจองคอนเฟิร์มนัดหมายนั้นต่อจากเขาทันทีบนระบบ คือมันเป็นช่วงเวลาที่ลุ้นระทึกมากเพราะมันจะส่งผลกระทบกับอะไรหลายๆอย่าง พอพี่เขายกเลิกปุ๊บมันโชว์บนหน้าจอของเราเราก็รีบกดคอนเฟิร์มเลยทันที !
และแล้วภารกิจช่วงชิงวันนัดตรวจสุขภาพนี้ก็สำเร็จ!!
.
.
.
แต่มันยังไม่จบค่ะท่านผู้อ่าน
.
.
เนื่องจากเราเป็นผู้หญิง(เว็บเป็นสีชมพูซะขนาดนี้) ซึ่งเพื่อนสาวจะมาเยือนทุกเดือน แล้ววันที่เราได้คิวก็เหมือนกับว่าจะเป็นช่วงที่เพื่อนสาวพอดิบพอดี ถ้าหากเป็นอย่างนั้นเราก็ไปตรวจสุขภาพไม่ได้อยู่ดีเนื่องจากจะส่งผลคลาดเคลื่อนในการตรวจปัสสาวะ เราก็เลยเข้าไปเช็คคิวออนไลน์อีกทีเผื่อว่าจะมีคิวหลุดก่อนหน้านั้น แล้วมันก็มีจริงๆค่ะ คิวหลุดแบบฟึ่บฝับเลย เราก็ได้คิวตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกรุงเทพวันที่ 7 พ.ค. หลังจาก submit Visa ไป 1 วัน บทจะได้ก็ได้ง่ายๆแบบนี้เลย
ในตอนท้ายของบทความนี้ myPTEjourney ขอขอบคุณทุกคนในกรุ๊ป LINE ที่ได้แบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์ และพี่ในกรุ๊ปหลายคนนั้นที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณพี่เขาจริงๆเพราะนอกจากจะเอาคิวของเขาให้เราแล้ว ยังบอกเราอีกว่าคิวหลุดมักจะมีบ่อยๆให้เข้าไปเช็คได้เลย และขอขอบคุณพี่เอเจนซี่ที่ให้ข้อมูลว่าควรไปตรวจสุขภาพที่ไหนดีที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้