ตรวจสุขภาพสำหรับวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย 2022

ตรวจสุขภาพสำหรับวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย 2022

หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ผู้ยื่นวีซ่าออสเตรเลีย ประเภทนักเรียน (Subclass 500) จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 28 วันหลังจากยื่นวีซ่าเข้าไปในระบบ คือการตรวจสุขภาพ ซึ่งโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรีบวีซ่านักเรียนออสเตรเลียมีข้อมูลแชร์เยอะพอสมควร สามารถหาบนอินเตอร์เน็ต หรือถามจาก Education agent ที่คุณใช้อยู่ก็ได้ ส่วนตัวเราจะเช็คจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือก่อนเสมอ โดยเช็คจากเว็บไซต์ของ Immigration

โรงพยาบาลที่เราเลือกไปตรวจคืโรงพยาบาลกรุงเทพ

(จริงๆแล้วเราไม่ได้เลือกที่นี่เป็นที่แรก เราเลือกที่ BNH ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าใครอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไม สามารถตามอ่านได้ที่นี่ค่ะ)

เดินไปประตูทางออกที่ 1

เราได้คิวจับพัดจับผลูตรวจสุขภาพวันที่ 7 พฤษภาคม เวลา 9.48น.โดยหลังจากศึกษาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดสำหรับการเดินทางเข้าเมือง เราเลือกที่จะเริ่มต้นจากสถานีรถไฟฟ้าหลักสอง นั่งอ่านหนังสือเพลินๆประมาณ 30 นาที ก็ถึงสถานีปลายทางที่เราจะต้องลงคือสถานี MRT เพชรบุรี 

จากนั้นเดินไปยังทางออกประตู 1 ขึ้นบันไดเลื่อน

จากการโทรไปสอบถาม Call center ของโรงพยาบาลก่อนเดินทาง เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามี Shuttle van จอดรอรับสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมายังโรงพยาบาล รถจะออกทุกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ 6.30น., 7.30น. ไปเรื่อยๆ  ซึ่งนอกจากเดินทางด้วย MRT แล้ว การเดินทางไปตรวจสุขภาพืั้โรงพยาบาลกรุงเทพ BTS ก็เป็นอีกทางที่สะดวกไม่แพ้กัน โดยลงที่สถานีพร้อมพงศ์​ จะมีรถจอดรอแถวนั้นเหมือนกันค่ะ สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมกับทางโรงพยาบาลได้เลย (ถามว่าตอนแรกที่เจ้าหน้าที่อธิบายโลเคชั่น ทางออก จุดจอดรถ ฯลฯ ให้ฟังเข้าใจไหม? คำตอบคือไม่ ก็คนมันไม่ได้ไปแถวนั้นบ่อยนี่นา)

รูป Shuttle van ยืมจากรพ.กรุงเทพ-เชียงรายมา แต่รถจริงก็เป็นแบบในรูปเลยค่ะ
ตัวอย่างตารางเวลาออกรถไปรพ.กรุง ณ จุดต่างๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่ Link

หลังจากขึ้นบันไดเลื่อน เราจะเจอ Shuttle van เลย มีการเขียนบอกเวลาด้วยว่ารถออกกี่โมง ซึ่งตอนนั้นก็มีคนรออยู่ประมาณ 2-3 คน แต่เดี๋ยวก่อน… นั่นไม่ใช่รถที่จะไปโรงพยาบาลกรุงเทพนะ แต่ไปโรงพยาบาลพระรามเก้าต่างหาก! ดีนะที่เห็นก่อน (ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่เคยขึ้นรถไปผิดที่จนเป็นที่เลื่องลือ .ฮา.)

จุดจอด Shuttle van ตามรูป
จุดจอด Shuttle van ตามรูป

เลยเดินไปถามแม่ค้าขายแซนด์วิชตรงนั้น ได้ความว่าเดินไปข้างหลังอุโมงค์ MRT หน่อยนึง (จากบันไดเลื่อน เลี้ยวขวา เดินขนาบข้างอุโมงค์ฝั่งติดกับถนน จะเจอที่จอดรถเล็กๆ) รถของโรงพยาบาลกรุงเทพจะจอดรออยู่ตรงนั้นค่ะ ตอนที่เราออกมาจากอุโมงค์ก็ประมาณ 8.10น. ซึ่งตรงนี้แอบคิดนิดนึงว่า ถ้าเรามาเร็วกว่านั้นซัก 10-15 นาที เราจะเจอรถจอดอยู่หรือเปล่า? เพราะรถที่จอดรอเป็นรถวน และจอดรอสแตนด์บายแค่ 1 คัน

เวลา 8.30น.เป๊ะ ล้อก็หมุนออกเดินทางสู่รพ.กรุงเทพ ซอยเข้าโรงพยาบาลเป็นอะไรที่แคบมากจริงๆ ยิ่งเวลาตอนเลี้ยวโค้ง อีกฝั่งนึงต้องหยุดรอ ไม่นึกว่าซอยศูนย์วิจัยจะเล็กขนาดนี้ จากนั้นประมาณ 5 นาที รถก็จอดที่อาคาร R ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่รถจะจอด (ก่อนหน้านั้น คนขับถามว่ามีใครลงตึกไทยประกันไหม) ให้เราลงจากรถและเดินตรงเข้าอาคารเลย คุณจะเจอแผนกลงทะเบียนประชันหน้ากับคุณเมื่อเดินเข้าตึกในทันที

รูปจาก Google Earth แสดงจุดจอด Shuttle van และจุดลงทะเบียน

ถ้าไม่ได้มีประวัติกับโรงพยาบาลนี้ก็ทำการลงทะเบียนก่อนค่ะ ยื่นพาสปอร์ตและบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ ไม่เกิน 5 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย แอบเม้าท์มอยนิดนึง ตอนที่เรายืนรอเจ้าหน้าที่กรอกข้อมูล มีชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งเข้ามาลงทะเบียนข้างๆเหมือนกัน เราก็แอบฟังและอยากจะบอกว่าเจ้าหน้าที่ประจำเค้าเตอร์พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ^^ ก็โรงพยาบาลกรุงเทพนี่เนอะ เขา International อยู่แล้ว

เสร็จแล้วให้เดินไปที่ลิฟต์ขึ้นชั้น 4 จะเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพ จากสายตาที่ประเมินขอเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพนานาชาติดีกว่า เพราะมีทั้งเคาน์เตอร์บริการเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาอาหรับ ภาษาจีน พม่า ฯลฯ ไอเราก็งงสิ่ว่าเราต้องไปยื่นเอกสารที่เคาน์เตอร์ไหน เพราะเจ้าหน้าที่ประจำบางเค้าน์เตอร์ดูไม่เหมือนคนไทย สุดท้ายก็ยื่นเอกสารกับเคาน์เตอร์ตามในรูปเลยค่ะ ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะขอเอกสาร เช่น พาสปอร์ตตัวจริงหรือสำเนา, สำเนาบัตรประชาชน, หมายเลขอ้างอิง e-Medical โดยเอกสารที่ต้องเตรียมเหล่านี้จะมีแจ้งให้กับผู้ที่ทำการนัดหมายอยู่แล้ว แค่อย่าลืมเอามาแล้วกันค่ะ ทางพยาบาลก็จะแจ้งว่าวันนี้มีตรวจอะไรบ้าง และให้กระดาษเรามากรอกรายละเอียดส่วนตัวอย่างพวก ชื่อ ที่อยู่ เป็นภาษาอังกฤษ ด้านหลังเป็น Checklist ว่าเป็นหรือเคยเป็นโรคอะไรบ้างไหม กรอกเสร็จแล้วก็ยื่นคืนในกระบะสีชมพู

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

รอประมาณ 10 ถึง 15 นาทีก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินเอาสายข้อมือมาคล้องให้ และเชิญเราเข้าตรวจสุขภาพโดยเริ่มจากการวัดความดัน วัดส่วนสูงและน้ำหนัก วัดสายตา สำหรับใครที่ใส่คอนแทคเลนส์ ให้ใส่คอนแทคเลนส์แบบธรรมดามานะคะ จากนั้นพยาบาลก็จะขอถ่ายรูปเราเพื่อที่ทางโรงพยาบาลจะยื่นเข้าไปในระบบวีซ่าออสเตรเลีย เป็นการถ่ายรูประยะใกล้มากเลยทีเดียว แล้วพยาบาลก็จะให้กระปุกสำหรับใส่ปัสสาวะ 

เสร็จแล้วก็ออกมานั่งรอด้านนอก แต่อยากแนะนำว่าช่วงระหว่างรอนี้ให้กินน้ำไปเยอะๆ จะได้ส่งกระปุกใส่ปัสสาวะให้กับทางเจ้าหน้าที่เลย ของเราตอนนั้นยังไม่พร้อมเพราะมีการอั้นปัสสาวะระหว่างเดินทาง กลัวผลจะคลาดเคลื่อน

รพ.ใหญ่แค่ไหนถามใจเธอดู เดินจากตึกหนึ่งไปอีกตึก

น่าจะรอซักประมาณ 20 นาทีได้ ทางโรงพยาบาลก็เรียกชื่อเราและชื่อคนอื่นๆอีกประมาณ 6-7 คน เพื่อที่จะไปเอกซเรย์ปอด ตอนแรกก็เข้าใจว่าตึกเอกซเรย์อยู่ในตึกเดียวกัน แต่ที่ไหนได้ ต้องเดินข้ามไปอีกตึกหนึ่ง ซึ่งทางเดินก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน มันไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่กลัวจำทางเดินกลับไม่ได้เนี่ยสิ่ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่เดินนำกลุ่มเราไปในตอนแรกก็เถอะ

กลุ่มเรามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า บางคนได้เปลี่ยนทั้งเสื้อและกางเกง ส่วนของเราได้แต่เสื้ออย่างเดียว ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่ เพราะคุณตรวจปอด คุณไม่ได้ตรวจช่วงขา .ฮา. เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะไม่มีการเดินไปเป็นกลุ่มอีกแล้วค่ะ ใครเปลี่ยนเสร็จแล้วก็ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้น 4 รอเตรียมเรียกเข้าห้องเอ็กซเรย์ปอด (เสื้อนงเสื้อใน สร้อยพระ หรืออะไรก็ตามที่เป็นของแปลกปลอมอื่นๆให้ถอดออกให้หมดและเก็บไว้ในล็อกเกอร์นะคะ เราเก็บมือถือไว้ด้วย)

…เก็บหางม้าขึ้นหน่อยนะคะ… ขออนุญาตจัดเสื้อให้นิดนึงนะคะ เพราะว่ารูปจะต้องส่งไปในระบบวีซ่าสถานทูตออสเตรเลีย… หายใจเข้าลึกๆ กลั้นหายใจ…แช๊ะ… หายใจปกติได้ค่ะ…เชิญนั่งรอด้านนอกก่อนนะคะ รอคุณหมอตรวจรูปนิดนึงว่าลูกโอเคไหม…อย่าลืมเอาสายคล้องหน้ากากออกจากหัวนะคะ… – เจ้าหน้าที่บอกขั้นตอนเสร็จสรรพ

ตอนรอตรวจรูปปอดเนี่ยแหละค่ะนาน น่าจะประมาณ 20-30 นาทีได้เลย ระหว่างนั่งหลับตารอ ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกคนก่อนหน้าเพื่อแจ้งว่าขั้นตอนการตรวจปอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เดินกลับตึกเดิมได้เลย ที่ขำคือ คนที่มาตรวจถามกลับว่าจะจำทางกลับได้ไหม ไม่ได้ถามแค่คนเดียวด้วย .ฮา. 

พอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อเราเพื่อแจ้งว่ารูปเรียบร้อย แต่ถ้าหากว่ามีอะไรต้องถ่ายเพิ่ม ก็จะแจ้งอีกที และบอกเหมือนคนอื่นๆค่ะ คือให้เราเดินกลับไปรอที่ตึกเดิม (ตึก R) และแจ้งด้วยว่าหากจำทางกลับไม่ได้ก็ถามเจ้าหน้าที่แต่ละจุดได้เลย

สะพานเชื่อมระหว่างตึก R และตึก Bangkok plaza ฝั่งตรงข้าม ซึ่งหากใครอยากหาอะไรอร่อยๆทานก็มาที่ตึกนี้ได้ค่ะ มีทั้ง 7-11 ร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ

อันที่จริงเกือบจำทางเดินกลับไม่ได้ รู้แต่ว่ามันมีสะพานเชื่อมระหว่างตึก R กับตึกตรวจปอด ก็พยามหาทางข้ามกลับไป โชคดีนะที่จำชั้นโชว์เครื่องปั้นดินเผาระหว่างทางได้ งานศิลปะพวกนี้แหละที่ทำให้เราเดินกลับตึกเดิมได้ แต่ตอนนี้เรารีบเดินเพราะปวดปัสสาวะตั้งแต่ตอนนั่งรอผลเอ็กซ์เรย์ปอดแล้ว งานนี้พร้อมแล้วที่จะเก็บปัสสาวะใส่กระปุก! 

จำด้านบนที่เราแนะนำให้เก็บปัสสาวะก่อนไปตรวจปอดได้ไหมคะ? คือถ้าคุณพึ่งมาทำตอนนี้ คุณก็จะต้องรออีกประมาณเกือบชั่วโมงเลย ผลตรวจปัสสาวะถึงจะออก สู้ทำให้เสร็จตั้งแต่แรก เจ้าหน้าที่จะได้เอาผลไปตรวจระหว่างรอเอกซเรย์ปอดดีกว่าค่ะ

เมื่อกลับมาที่ตึก R พร้อมเก็บปัสสาวะเรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ฟังผลการเอกซเรย์ปอดกับคุณหมอ ผลตรวจของเราทุกอย่างปกติค่ะ คุณหมอก็ให้นอนแล้วก็ลองฟังเสียงหัวใจ ช่วงท้องเรานิดหน่อย อันที่จริงตรงนี้เป็นกระบวนการสุดท้าย แล้วเรากลับบ้านได้ แต่เนื่องจากเราเพิ่งมาส่งกระปุกปัสสาวะ จึงทำให้เราต้องรออีกประมาณชั่วโมง ผลถึงจะออก

ระหว่างรอเราก็เดินไปตึก Bangkok Plaza ซึ่งก็อยู่ฝั่งเดียวกันกับเอ็กซเรย์ปอดและตรงข้ามตึก R เลยค่ะ เดินผ่านทางเชื่อมทางเดิมได้หมดเลย ในนั้นมีทั้ง S&P, Starbucks, Black Canyon, After You, 7-11, Au Pon Pain และอีกหลายร้านให้คุณได้เลือก ระหว่างที่เราทานอาหารอยู่ ทางพยาบาลก็โทรมาแจ้งว่าผลออกแล้ว

ผลตรวจออกมาทั้งปอดและปัสสาวะทุกอย่างปกติ

จากนั้นรับใบเสร็จและลงไปที่ชั้น 1 เพื่อชำระเงินทั้งหมด 3700 บาท

จุดนั่งรอชำระเงิน
รายการตรวจและค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เมื่อถึงเวลาเดินทางกลับ แน่นอนว่าเมื่อเรามาด้วย Shuttle van เวลากลับเราก็จะกลับด้วย Shuttle van ค่ะ อีกอย่างคือซอยมันแคบ นั่งวินมอเตอร์ไซด์แล้วสงสัยคงได้ลุ้นตลอดทาง จุดจอดรถอยู่ข้างตึก R ให้เราเดินออกมา แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอป้ายบอกว่าเป็นจุดจอด Shuttle van ตรงนั้นก็จะมีคนรอรถเหมือนเราอยู่เช่นกัน จุดรอรถอยู่ตรงข้ามกับวินฯเลย แบบตรงข้ามซอยเล็กๆแค่นั้นเอง ถ้าไม่อยากรอรถของทางโรงพยาบาล ก็กระโดดซ้อนท้ายพี่วินได้ เหมือนเป็นจุดวัดใจว่าจะเอางายย จะเอางายยยยยเพ่ จะไปกับโผมมมม หรือไปจะไป Shuttle van…

จุดจอดรถ Shuttle van ขากลับ

ขากลับก็ใช้เวลานานกว่าขามาหน่อยนึง ประมาณเกือบ 15 นาที เข้าซอยเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ใช้เส้นทางเดียวกับทางที่เข้ามา รถติดระหว่างทาง จากนั้นรถก็จะจอดรอผู้โดยสารรอบถัดไปที่เดิมค่ะ

หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน อย่าลืมโทรสอบถามกับทางโรงพยาบาลกรุงเทพก่อนนะคะ ทางเจ้าหน้าที่ให้คำตอบค่อนข้างละเอียด เราขอให้ทุกคนโชคดีกับการตรวจสุขภาพและเตรียมเหินฟ้าไปออสเตรเลียกันค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *