ของตกทอดจากเวลส์ The Wells Bequests

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ    : The Wells Bequests
ชื่อภาษาไทย        : ของตกทอดจากเวลส์
เขียน                      : พอลลี่ ชูลมาน (Polly Shulman)
แปล                       : ณัฐนรี เปรมสกุล
สำนักพิมพ์             : อิ่มอ่าน
จำนวนหน้า            : 272 หน้า
ISBN                       : 9786161401559
ภาษา                     : ไทย
ราคาปก                 : 210 บาท


นี่คือหนังสือเล่มต่อจากมรดกมนตราจากกริมม์ ถ้าถามว่าเนื้อเรื่องต่อกันไหม? มันก็ไม่เชิงซะทีเดียว ประมาณว่าหากไม่อ่านเล่มมรดกมนตราจากริมม์แต่มาอ่านของตกทอดจากเวลส์ก่อนก็ต้องบอกว่าอ่านรู้เรื่อง แต่คุณจะไม่รู้รายละเอียดปลีกย่อยบางอย่าง เช่น การที่จะได้ทำงานเป็นเสมียนที่หอสมุดแห่งนิวยอร์กขั้นตอนเป็นอย่างไร หรือการขอยืมสิ่งของจากที่นี่ต้องระมัดระวังมากแค่ไหนเพราะค่าปรับนั้นบางทีก็ประเมินค่าเสียไม่ได้ และจะไม่ทราบตัวละครที่เอ่ยถึงบางตัวว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามถึงของตกทอดจากเวลส์จะมีตัวละครจากเล่มที่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าเป็นเนื้อเรื่องภาคต่อมาจนถึงเล่มนี้ ตัวละครหลักในเรื่องเปลี่ยนไปและการผจญภัยก็ไม่เกี่ยวข้องกันเลย

เรื่องย่อ

ลีโอ เนวิคอฟ ลูกชายคนเล็กในตระกูลที่มีแต่คนเก่ง วันหนึ่งเขาสงสัยว่าเขาเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ที่อยู่ดีๆก็เห็นยานลำเล็กจิ๋วโผล่มาในห้องนอนของเขา เท่านั้นยังไม่พอ บนยานลำนั้นมีมนุษย์ตัวจิ๋ว 2 คนนั่งอยู่บนยาน และหนึ่งในนั้นก็คือตัวเขาเอง! นั่นยิ่งทำให้เขาคิดว่าเขาต้องฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ ทว่าวันหนึ่งโชคชะตาและความดั้นด้นของเขาเองพาให้เขาไปพัวพันกับหอพัสดุแห่งนิวยอร์ก และ…เธอคนนั้น สาวสวยที่ทำให้หัวใจของลีโอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอคนนั้นที่ถึงแม้ว่าเมื่อยามที่เห็นเธอครั้งแรกตัวจะตัวกระจิริดแค่ไหนก็ไม่อาจหักห้ามความรักใจที่เกิดขึ้นได้ เด็กหญิงคนนั้นนามว่า ชยา

แน่นอนว่าสายเลือดความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของครอบครัวเนวิคอฟไหลเวียนอยู่ในตัวของเขา ลีโอตื่นตาตื่นใจที่หอพัสดุแห่งนี้มีแทบทุกสิ่งทุกอย่างตามความต้องการให้หยิบยืม ทั้งหุ่นยนตร์ตัวแรกของโลก ของหุ่นประดิษฐ์ของดาวินชีของจริง แล้วถ้าอย่างนี้จะมีของเหนือจินตนาการให้ยืมหรือเปล่า? หากผู้อ่านท่านใดได้อ่านมรดกมนตราจากกริมม์คุณก็คงรู้คำตอบแล้วหล่ะ

ไม่ใช่แค่เพราะคุณพยายามจะหยุดเวลาและคว้ายานข้ามเวลา แต่เพราะในที่สุดคุณสองคนก็คิดได้ว่าเกิดมาเพื่อกันและกัน

ของตกทอดจากเวลส์

ใครจะไปนึกว่าแค่เรื่องเล็กๆอาจก่อให้เกิดความเสียบหายแก่คนหลายพันล้านคนบนโลก ทำให้ลีโอและชยาต้องตามหายานข้ามเวลาและย้อนไปสู่อดีตเพื่อที่จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต โดยได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากบรรณารักษ์ ผู้อำนวยการ และผู้สนับสนุนหอพัสดุแห่งนิวยอร์กเพื่อให้ปฏิบัติการนี้สำเร็จลุล่วง มหกรรมการแสดงสิ่งของอันตื่นตาตื่นใจจึงเริ่มขึ้น ครั้งนี้สิ่งต่างๆที่มาโลดแล่นในหนังสือไม่ใช่ของต้องมนตร์ แต่เป็นสิ่งต่างๆที่มนุษย์ได้เฝ้าฝันพรรณนาถึงความเป็นได้ผ่านนิยายวิทยาศาสตร์อันโด่งดัง และอย่าหวังว่าจะหาพวกมันยืมได้ง่ายๆ เพราะมันถูกซ่อนไว้ในอีกมิติของห้องเก็บของพัสดุชื่อว่าห้องของตกทอดจากเวลส์ สิ่งของเหล่านี้มีให้ใช้และให้คุณหยิบยืมตามหอพัสดุที่มีอยู่ตามแต่ละมุมโลก ลีโอและชยาได้มีโอกาสเจอกับบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้สร้างคุณปาการอันหาราคาไม่ได้ให้แก่ประชากรบนโลกในปัจจุบัน เขาและเธอต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นบนโลก ใช้ปฏิญาณ ไหวพริบ การโกหกที่อยู่บนพื้นฐานความจริง และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการที่จะไม่เปลี่ยนประวัติศาสตร์

ท้ายสุดแล้วพวกเขาจะได้กุมบังเหียนยานข้ามเวลาหรือไม่ แล้วต้องทำอย่างไรกับมัน พวกเขาได้เจอใครในประวัติศาสตร์ และมันส่งผลต่อชะตาของผู้คนในศตวรรษที่ 21 ในมิติของเรารึเปล่า ขอทุกท่านจงเปิดหนังสือเล่มนี้ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ


ความรู้สึกหลังอ่าน

เล่มนี้เป็นอะไรที่เปิดเรื่องเร็วมาก เร็วอย่างไร? ก็เร็วถึงขนาดที่ว่าอ่านไปประมาณ 4-5 หน้าก็เริ่มมีการปรากฏของของวิเศษแล้ว ซึ่งถ้าหากเทียบกับเล่มก่อนหน้าที่กว่าจะได้เข้าเรื่องว่ามีของวิเศษก็ประมาณกลางๆเรื่อง แต่ก็ดีนะที่เปิดตัวสิ่งของมาเร็วแบบนี้ เหมือนเป็นเซอร์ไพรส์ในเซอร์ไพรส์ เพราะตอนแรกเรานึกว่าจะดำเนินเรื่องเหมือนเล่มแรรก แบบทำนองว่าได้รับคำแนะนำจากคนที่เคยทำงานที่นี่ จากนั้นชีวิตก็เริ่มข้องเกี่ยวกับสิ่งของบางอย่างที่ทำให้ชีวิตของตัวละครเปลี่ยนไป แล้วเริ่มตามหาผู้ไม่ประสงค์ดี

แต่กับเรื่องนี้ไม่มีอีกแล้วการดำเนินเรื่องเนิบนาบแบบนั้น เป็นการเปิดเรื่องทุกอย่างทั้งของที่มาจากห้องของตกทอดจากเวลส์ ตัวละครที่จะมาไขคดี และเอ่ยบุคคลต้องสงสัยมาตั้งแต่ตอนแรก การที่ตัวละครเอกอย่างลีโอได้เข้าไปพัวพันกับการตามล่าจับคนร้าย เริ่มด้วยบทบาทของนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่เพียงแค่อยากจะยืมสิ่งของมาศึกษาในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งต่างจากเล่มแรกที่ตัวเอกพบเจอเรื่องอัศจรรย์พันลึกเพราะได้ทำงานที่หอพัสดุนิวยอร์ก และแล้วบุพเพสันนิวาสได้เล่นตลกกับลีโอ หัวใจของเขาเต้นโครมครามเมื่อเจอชยา หัวหน้าเสมียนที่ทำงานที่นี่ ผู้เติบโตจากเด็กที่พูดเจื้อยแจ้วน่ารำคาญมาเป็นสาววัยรุ่นที่หน้าตาสะสวยเหมือนพี่สาว และมีหนุ่มมากกว่า 1 คนมาหลงรัก คอยตามเทียวไล้เทียวขื่อเช้าเย็น

แต่เหตุผลที่ทำให้เกิดการตามล่าจับตัวคนร้ายในเรื่องนี้คือ…มัน…ไม่.น่า.เชื่อ แบบว่ามันพูดไม่ออกว่าเพราะเหตุผลนี้เนี่ยนะ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะทำให้โลกปั่นป่วนไปทั่ว ทำให้ทุกฝ่ายต้องไปงัดกลยุทธ์เพื่อที่จะไล่ตามจับและขัดขวางเรื่องเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ด้วยเหตุผลแบบว่า…เชิญคุณอ่านเองได้เลยค่ะ

ถึงตัวละครในเรื่องที่แล้วจะมากกว่า มีการทำงานร่วมกันเป็นทีม มีหลายตัวช่วยไว้หลอกล่อ ไว้คอยช่วยกันคิดเมื่ออยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย แต่ของตกทอดจากเวลส์เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนกว่าเล่มที่แล้ว เพราะสิ่งของและกฎการใช้ต่างๆมีรากฐานมาจากนิยายวิทยาศาสตร์อันเลื่องลืออย่างจาก H.G. Wells ผู้เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง The Time Machine ที่เอาเรื่องทฤษฎีการย้อนกลับและการเดินไปข้างหน้าของเวลามาเป็นลูกเล่นและเป็นโครงเรื่องหลักในการทำภารกิจของลีโอกับชยา นิยายวิทยาศาสตร์ที่เขียนโดย Jule Verne คู่แข่งฝีมือดีของ H.G. Wells ก็มีให้พูดถึงในเล่มนี้เช่นกัน ไปจนถึง Mark Twain นามปากกา (ชื่อจริง Samuel Langhorne Clemens) ชื่อก้องโลกอีกท่านก็ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ครั้งนี้อีกด้วย และเมื่อมี Mark Twain จะไม่มี Nikola Tesla ได้อย่างไร เพราะลีโอและชยาได้ร่วมมือกับบุคลสำคัญของโลกทั้ง Nikola และ Clemens ท่านนี้ร่วมกันหาทางยับยั้งภยันตรายครั้งใหญ่ที่อาจจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ

เมื่ออ่านมาถึงตอนที่เจอกับ Nikola Tesla ทำให้เราได้กระตือรือร้นที่จะเปิดอ่านประวัติของเขาอีกครั้ง เรียนมานานแล้วและก็ชักจะเริ่มเลือนราง รู้แต่ว่าเขาประดิษฐ์เกี่ยวกับไฟฟ้าทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของโลกทั้งใบ ทำให้เราได้ทวนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับไฟฟ้าอีกรอบ แน่นอนว่า Thomas Edison ก็ต้องโผล่มาในฐานะคู้ต้อสู้ทางธุรกิจตัวฉกาจที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ Nikola  แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นคู่แข่งกันอย่างไร ทั้ง 2 ท่านถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งการบุกเบิกการเรื่องไฟฟ้า ทำให้ผู้คนในปัจจุบันได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้มหาศาลเกินกว่าที่จะบรรยายได้

ในเมื่อของวิเศษในเล่มนี้เกี่ยวข้องกับนิยายวิทยาศาสตร์ล้ำโลกที่มีการวางโครงสร้างมาอย่างดิบดีและหางานเขียนเทียบด้วยยาก มีแฟนๆทั่วโลกล้นหลามและยกขึ้นหิ้งถือเป็นงานเขียนชั้นบรมครูผู้บุกเบิก เนื้อเรื่องในของตกทอดจากเวลส์ก็ย่อมมีความซับซ้อนกว่ามรดกมนตราจากริมม์ที่อ้างอิงจากนิยายปรัมปราอยู่แล้ว พออ่านมาถึงตอนท้ายที่มีการถกประเด็นในเรื่องการมีอยู่และหายไปของคนในปัจจุบันก็อาจจะมีงงๆบ้างหากไม่คุ้นชินกับการดูหนังหรืออ่านหนังสือประเภทที่มีใช้ลูกเล่นเกี่ยวกับการใช้เวลา

ถึงแม้ของตกทอดจากเวลส์จะเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่มาหลังจากมรดกมนตราจากกริมม์ แต่เนื้อหาภายในเล่มให้อารมณ์ที่แตกต่าง หากเป็นสีก็เป็นสีที่มีแม่สีเดียวกันแต่พอผสมออกมาแล้วเป็นคนละโทน เรารับรองเลยว่าถึงหน้าปกจะออกแบบมาคล้ายกันแต่เนื้อหาภายในให้รสชาติที่แตกต่างไปอย่างแน่นอน

ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ แต่ขอพื้นที่บ่นนิดหนึ่งนะคะ คือเล่มที่เราสั่งซื้อมามีรอยราเหลือง อย่างที่เราบอกไว้ในรีวิวมรดกมรตราจากกริมม์ว่าเราเข้าใจว่าหนังสือตีพิม์นานแล้วและร่องรอยความเก่าคงจะมี แต่อยากให้สำนักพิมพ์ตรวจเช็คแล้วแจ้งผู้ซื้อหน่อยนึงว่าหนังสือมีตำหนิ แต่หลังจากที่เราได้เล่มเปลี่ยนใหม่เรื่องมรดกมนตราจากริมม์แบบไม่มีตำหนิเลย ทำให้เรารู้สึกว่าถึงหนังสือจะตีพิมพ์มานานแล้วแต่ก็ยังมีเล่มที่เหมือนใหม่อยู่ คือเราไม่ชอบเห็นตำหนิแบบนี้ เวลาพลิกเปิดเห็นรอยราเหลืองแล้วมันขัดใจ หากมีตำหนิไม่เป็นไร แต่อย่างที่บอกไว้ว่าอยากให้ทางสำนักพิมพ์แจ้งไว้หน่อยก่อนจัดส่ง

****************

หน้าที่พิมพ์ผิด

หน้า 117 ผมเลือกสปริงขนาดต่างกันหนึ่งกำมือกลับมาที่โต๊ะทำงาน แต่มันใหญ่เกินไป “โอ๊ะ อันนี้เกือบได้! ถ้าเล็กอีกนิด
ควาร์ก”  ผมพูด  ควรจะเป็น (ไม่มีอัญประกาศ)ผมเลือกสปริงขนาดต่างกันหนึ่งกำมือกลับมาที่โต๊ะทำงาน…

หน้า 155 …นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมิสเตอร์สตีลถึงได้ของส่วนใหญ่ของของตกทอดจากเวลส์ควรจะเป็น …นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมิสเตอร์สตีลถึงได้ของส่วนใหญ่ ของตกทอดจากเวลส์

หน้า 207 แต่มิสเตอร์คลีเมนส์คะ ฉันอยากให้คุช่วยฉันหน่อย ควรจะเป็น แต่มิสเตอร์คลีเมนส์คะ ฉันอยากให้คุช่วยฉันหน่อย