World War Tools สงครามในโลกสิ่งของ

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ    : World War Tools
ชื่อภาษาไทย        : สงครามในโลกสิ่งของ
เขียน                      : มนสิชา รุ่งชวาลนนท์
แปล                       : –
สำนักพิมพ์           : SALMON.
จำนวนหน้า          : 272 หน้า
ISBN                      : 9786162985201
ภาษา                     : ไทย
ราคาปก                : 330 บาท


หน้าปกหนังสือเล่มนี้ทำให้เราอยากหยิบจับขึ้นมาอ่านมากๆ เห็นแค่การออกแบบหน้าปกแล้วมันดึงดูดเราให้เข้าหาหนังสือเล่มนี้ มีชื่อหนังสือภาษาไทยกำกับด้านข้างเยื้องๆว่า ‘สงครามในโลกสิ่งของ’ เราเดาไว้ก่อนเลยว่าเนื้อหาภายในจะไม่ใช่การเล่าเรื่องราวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าใครเริ่มทำอะไร สงครามก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไร ประเทศไหนเข้าร่วมบ้าง แต่มันต้องเป็นเกร็ดความรู้ที่อยู่ใน ‘สิ่งของ’ ที่ถูกชักนำและนำพาไปยังห้วงสำคัญๆในสงคราม หากได้อ่าน ก็คงเป็นการเสริมทัพความรู้เรื่องสงครามโลกที่เรามีอยู่ในสมองที่มีอยู่ไม่มากก็น้อย หลังจากสั่งซื้อผ่านทาง Lazada ไป รอไม่ถึง 2 วัน หนังสือก็มาส่งถึงบ้าน คุณแม่เราเห็นหน้าปกหนังสือแล้วบอกว่าชอบตรงรถถังที่มีด้านบนเป็นกาน้ำ เขาเข้าใจออกแบบหน้าปกดีเนอะ อารมณ์ติสแม่ฉันก็มา


ความรู้สึกหลังอ่าน

สนุกดีค่ะ อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้เป็นการเล่าเรื่องราวการเดินทางของประวัติศาสตร์โลกเพียวๆ แต่เป็นการเดินทางของ ‘สิ่งของ’ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม เนื้อหาภายในหนังสือแบ่งออกเป็นบทย่อยที่มีด้วยกันทั้งหมด 20 บท ผู้เขียนทำการย่อยสารสาระที่เป็นเรื่องราวการเดินทางอันแสนยาวนานของสิ่งต่างๆให้ออกมาในรูปแบบกะทัดรัดเพียงไม่กี่หน้าใน 1 บท โดยหนังสือเปิดเรื่องมาเกี่ยวกับจุดปะทุแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแต่ละประเทศ ซึ่งหากคุณไม่ได้ทราบเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน การอ่านหนังสือเล่มนี้คุณอาจจะไม่ได้อรรถรสมากนัก แต่หากคุณพอทราบเรื่องราวความโหดร้ายในการสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้มาบ้าง World War Tools จะมาแต่งเติมสีสันในโลกความรู้แห่งสงครามให้กับคุณได้มากขึ้นอีกเป็นกอง

ด้วยความที่ผู้เขียนแบ่งเรื่องออกเป็นตอนๆ ทำให้เรารู้สึกว่าหากเอาสาระความรู้ในหนังสือเล่มนี้มาเล่าเป็นนิทานให้เด็กฟังก็ย่อมได้ เนื้อหาไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องการทารุณกรรมใดๆ (แต่การอธิบายเรื่องเกี่ยวกับสาวๆที่ข้องเกี่ยวกับการให้บริการทางเพศคงไม่เหมาะกับการมาเล่าเป็นนิทานให้เด็กฟังเสียเท่าไหร่ บทนี้ข้ามไปได้เลย) เพียงแต่คุณอาจต้องใช้คำศัพท์ที่เด็กๆเข้าใจง่ายขึ้นหน่อย เพราะคำศัพท์บางคำที่ปรากฏอยู่ในเล่มเป็นศัพท์ทางเทคนิคที่ใช้ในสงคราม เช่นพวกอาวุธ หรือวิธีการต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะจนทำให้เรางงงวยอะไรขนาดนั้น หนำซ้ำ ยังทำให้เราสนใจเปิด Google ดูด้วยว่าของเหล่านี้มีหน้าตาอย่างไรนะ

คำว่า ‘Tool’ หากแปลเป็นไทยก็คือสิ่งของ รูปบนหน้าปกมีสิ่งของที่เตะตาใครหลายคนเข้า อย่างรูปขวดน้ำหอม Chanel No.5 ที่สตรีไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดต่างก็อย่างได้มาประดับบนโต๊ะเครื่องแป้ง ถึงแม้ว่าราคาของมันสูงเกินเอื้อม แต่ขอให้ฉันได้มันมาครอบครองเพียงสักครั้ง ใครจะไปรู้ล่ะว่าน้ำหอมภาพพจน์ไฮโซขวดนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางสงครามเพื่อที่จะทำลายคู่แข่งให้สิ้นซาก เพื่อผลประโยชน์สูงสุดโดยมีเดิมพันทางสงครามที่หากใดฝ่ายหนึ่งเกิดพลั้งพลาด…ก็อาจจะต้องลงไปนอนในหลุมก็เป็นได้

ดนตรีสำคัญอย่างไร? ทำไมถึงต้องปฏิวัติ?

สงครามในโลกสิ่งของ

สิ่งของที่ผู้เขียนบรรยายออกมาให้เป็นเรื่องราวสนุกสนานโลดเต้นบนแผ่นกระดาษไม่ใช่เพียงแต่สิ่งของที่จับต้องได้เท่านั้น ยังรวมไปถึงสิ่งที่เราไม่สามารถสัมผัสได้ แต่สามารถรู้สึกได้ สร้างได้ และในบางครั้งสิ่งของที่เป็นนามธรรมเหล่านี้กลับมีพลังอำนาจมากกว่าที่เราจะนึกถึง กว่าจะรู้ตัวอีกที เราก็กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือของสงครามซะเสียแล้ว ‘Music is everywhere’ คำกล่าวถึงความสำคัญของดนตรีที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้กับผู้คนทุกมุมโลก แต่ผู้คนที่อยู่ในช่วงสงครามคงไม่เห็นด้วยกับประโยคนี่เป็นแน่แท้ ในช่วงที่กองกำลังนาซีคืบคลานเข้าสู่ประเทศอื่น ดนตรีถูกนำมาใช้เป็นเครื่องขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมแห่งชาตินิยม ทั้งฝ่ายนาซีเองและฝ่ายพันธมิตร ไหนจะเนื้อเพลงของวันคริสต์มาสที่ถูกเปลี่ยนไปเพื่อสรรเสริญท่านผู้นำให้เป็นเยี่ยงพระเจ้าโดยทหารฝ่ายเยอรมัน ฝ่ายพันธมิตรก็สู้กลับด้วยเสียงเพลงที่เป็นสัญลักษณ์อันนำมาซึ่งแห่งชัยชนะ

สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้เกิดแค่ภาคพื้นทวีปยุโรปเท่านั้น ตัดมาอีกซีกโลกหนึ่ง คุณจะได้พบกับความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฝั่งเอเชีย ความหวาดระแวงที่ก่อตัวขึ้นในหมู่คนชาวเอเชียก็ก่อตัวขึ้น ถึงขนาดต้องออกมาประกาศว่าฉันไม่ใช่พวกนั้นนะ! เราต่างกันนะ! มหกรรมการบรรยายคุณลักษณะว่าคนจีนกับคนญี่ปุ่นต่างกันตรงไหน แบบไหนบ้าง ได้ตีแผ่บทความนิตยสารชื่อดัง Life  แล้วความสนุกของคุณจะถูกยกระดับไปอีกขั้นเมื่อได้อ่านเรื่องราวการเดินทางของรูปภาพที่เรียกได้ว่าเป็นมรดกโลกที่ต้องจรลีหลีกหนี้ภัยสงครามไปทั่วประเทศและ…เดินทางข้ามทวีปเพื่อให้รอดเงื้อมมือจากพญามัจจุราชมายังดินแดนของลูกพระอาทิตย์

อย่างไรก็ตาม ‘สงคราม’ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ฉายภาพให้เราดูเพียงแค่ด้านขาวกับดำ คนที่เราตั้งแง่ว่าเป็นศัตรู อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิดเสมอไป หากคุณได้อ่านถึงบทที่นาซีส่งพลทหารที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องไวน์มาปกครองชนชาติแห่งการทำเครื่องดื่มชนิดนี้ หัวใจของชาวฝรั่งเศสก็แทบจะแหลกสลายเมื่อสิ่งที่พวกเขารักสุดหัวจิตหัวใจต้องมาอยู่ภายใต้ชาติพันธุ์ที่ไม่สนใจการทำไวน์เลยสักนิด หากแต่พวกเขาคิดผิด… นายทหารเยอรมันเข้าใจความรู้สึกของเชลยเหล่านี้ดี พวกเขาปฏิบัติกับคนในปกครองอย่างเป็นมิตร และพยายามปกป้องศิลปะในการทำไวน์อันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ ถึงนายทหารบางคนจะเถรตรงเกินไปบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้ขนบธรรมเนียมแห่งการทำไวน์ถูกทำลายลง

หลายครั้งที่เราไม่สามารถตัดสินการกระทำของคนๆหนึ่งได้ในทันที คุณแน่ใจแล้วหรือว่าคุณได้เห็นภาวะรอบด้าน? Anna van Dijk หญิงชาวยิวที่อาศัยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกขายคนชาติเดียวกัน เธอคือมือหนึ่งในการชี้แหล่งหลบซ่อนชาวยิว  ทำไมหนอ ทั้งๆที่เธอเองก็มีเลือดยิวอยู่เต็มตัว เธอกลับทำเรื่องเลือดเย็นเช่นนี้ได้? ทว่าหากมองในอีกมุมหนึ่ง เธอก็มีทางเลือกในชีวิตไม่มากนัก เมื่อ Anna มีทางเลือกอยู่ 2 ทางระหว่างความตายหรือจะทำงานให้กับตำรวจนาซีเพื่อชี้แหล่งกบดานของคนชาติพันธุ์เดียวกับเธอ…ถ้าข้อเสนอนี้อยู่ในมือคุณ คุณจะเลือกอะไร?

สำนักพิมพ์ให้ที่คั่นหนังสือมาเยอะมากๆ สวยๆทั้งนั้น ชอบมากเลย

จุดมุ่งหมายของสงคราม ช่างห่างไกลกับคำว่าสันติภาพ เมื่อความเลวร้ายสิ้นสุด มีฝ่ายที่เรียกว่าผู้ชนะ อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่ถูกขนานนามว่าผู้แพ้ แต่จุดจบของสงครามคือจุดเริ่มต้นแห่งความทุกข์ยาก ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพย์สินที่สูญเสียและหนี้ทางสงครามที่ต้องจ่าย ความโหดร้ายและความทรงจำที่ไม่น่าจดจำได้กัดกินหัวใจของผู้คนไปทั่ว สิ่งเหล่านี้ส่งต่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานผ่านคำบอกเล่า กลายเป็นความเกลียดชังที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว อย่างเพื่อนของแม่เราที่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์บอกว่า หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่เข้าห้างญี่ปุ่น ซื้อของญี่ปุ่น เพราะพ่อของเขาถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าต่อหน้าต่อตาเขา ตัวเขาเองก็ต้องอพยพลี้ภัยมายังเนเธอร์แลนด์ ดิ้นรนต่อสู้ไปกับความยากจนที่โอบล้อมด้วยอากาศอันหนาวเหน็บ นี่คือคำตอบของสงครามที่เราอยากได้ยินหรือ?

…เว้นแต่จะกระทำไปเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ทำให้บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ป้องกันประเทศไม่ถูกเรียกว่าทหาร  แต่ใช่ชื่อว่า ‘กองกัพลังปกป้องตนเอง…

สงครามในโลกสิ่งของ

World War Tools เขียนโดยมนสิชา รุ่งชวาลนนท์ หนึ่งในเจ้าของเพจ Facebook ‘พื้นที่ให้เล่า’ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเพจเกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในมุมที่น้อยคนจะเคยได้ยินหรือเคยเห็นผ่านตา ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เล่น Facebook เท่าไหร่ แต่คงจะต้องติดตามเพจนี้อยู่บ่อยๆเสียแล้ว สงครามในโลกสิ่งของเปิดเรื่องมาได้เสมือน Trailer โฆษณาหนัง และปิดตัวด้วยเรื่องราวที่น่าติดตามที่เกิดขึ้นในงานประมูลของ หนึ่งในของชิ้นสำคัญของโลกที่คนมองข้าม เมื่อทราบประวัติความเป็นมา ราคาของชิ้นนั้นก็ดีดขึ้นจนสุดเพดาน ของชิ้นที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันถูกผลัดเวียนเปลี่ยนมือและเหลือรอดกลับมาจากสงครามแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ของชิ้นนั้นคืออะไร? เราคงได้แต่แนะนำให้คุณตามหาด้วยตัวเองในหนังสือเล่มนี้ ส่วนเราเองก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าในอนาคตจะมีหนังสือเล่มใหม่ที่มาจากเพจนี้อีกหรือเปล่า ก็คงต้องติดตามกันต่อไป แต่หากท่านผู้อ่านถามว่าหนังสือ World War Tools คุ้มกับการซื้อมาอ่านมาเก็บในครอบครองไหม เราตอบได้เต็มปากเลยว่าคุ้มสุดๆ


ข้อเสนอแนะ

คอนเซ็ปต์ของหนังสือทำออกมาได้ดี แต่ด้วยความที่บางช่วงบางตอนมีการอธิบายถึงสิ่งของที่ใช้ในสงคราม บางครั้งก็ทำให้เรานึกไม่ออกว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร ทำไมมันถึงสำคัญยิ่งนักกับเหล่าทหารที่เป็นแนวหน้าในสงคราม ทำไมมันถึงมีอิทธิพลกับผู้คนจังเลย สถานที่ที่พูดถึงมันอยู่ตรงไหน ฯลฯ เลยต้องไปค้นหาใน Google จนเข้าใจว่าเจ้าสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่มันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะถึงจะอ่านคำบรรยายเยอะแค่ไหน ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าไอที่ปักด้ายเป็นปมให้ครอบ 1000 จุดน่ะมันออกมาเป็นแบบไหน หรืออย่างการอธิบายยุทธศาสตร์การโจมตีในจุดต่างๆ มันงงอยู่นะถ้าไม่มีรูปภาพให้เห็น หากคุณอยากเข้าใจมากขึ้น เกรงว่าตรงนี้ผู้อ่านจะต้องพึ่งอากู๋ อย่างตอนที่เราอาจเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เป็นเขตอาณานิคมในจีน มีการแบ่งเขตให้เช่าของชาวตะวันตก โดยมีแม่น้ำผ่ากลาง ตรงนี้นึกภาพอย่างไรก็นึกไม่ออกจริงๆ พอเห็นรูปแล้วถึงเข้าใจว่าทำไมคนถึงสามารถนั่งเชียร์การต่อสู่ในครั้งนี้ได้แบบแฟนพันธุ์แท้ติดขอบสนามโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกระสุนจะเฉี่ยวหัว


****************
หน้าที่พิมพ์ผิด

ไม่มีเลย! ยกนิ้วโป้งให้!

******************************************

ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่ควรจะตรวจสอบอีกครั้ง

หน้า 15 แอนนาหนีไปหลบซ่อนกับแฟนสาวคนใหม่ในเดอะเฮก ควรจะเป็น แอนนาหนีไปหลบซ่อนกับแฟนสาวคนใหม่ในกรุงเฮก(ส่วนตัวเราว่าควรจะใช้กรุงเฮกมากกว่า เพราะข้อมูลหนังสือทั่วไปก็มักใช้กรุงเฮก สถานทูตก็ใช้คำว่ากรุงเฮก ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางนิตินัยของประเทศเนเธอร์แลนด์)