หลังจากได้เริ่มบทบาทการเป็นนักเรียนปริญญาเอกมาประมาณ 6 เดือน วันหนึ่งเราก็ได้รับอีเมลจากทางมหาลัยฯเกี่ยวกับการให้ทุน ซึ่งทุนทุนนี้มีมูลค่ามากถึง 5,000 ดอลลาร์(ออสเตรเลีย) เรื่องอย่างนี้เราไม่รอช้า จึงรีบคลิกอ่านอีเมลว่าเป็นทุนเกี่ยวกับอะไร? คุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องมีอย่างไรบ้าง? จากข้อมูลพบว่าเป็นทุน Bupa International HDR Student Scholarship ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้กันอยู่แล้วว่าทุนนี้สนับสนุนโดย BUPA ชื่อที่นักเรียนต่างชาติหลายคนคุ้นหู เพราะเป็นข้อบังคับที่รู้กันว่าหากคุณจะสมัครเรียนในประเทศออสเตรเลียคุณจะต้องมีประกันสำหรับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งข้อดีของมันก็คือหากเราเจ็บป่วยหรือไม่สบายเราสามารถเคลมประกันตรงนี้ได้ (อย่างไรก็ตาม อย่าลืมศึกษาและอ่านรายละเอียดของประกันที่คุณได้ทำกับบริษัทนั้นๆ) สำหรับเราเองเราสมัครประกันสำหรับนักเรียนต่างชาติกับบริษัท BUPA มาตั้งแต่เรามาเรียนป.โทตั้งแต่ปี 2022 แล้ว จนตอนนี้เรียนป.เอกที่ออสเตรเลียในขณะนี้ เราก็ยังเป็นลูกค้าอย่างเหนียวแน่นกับ BUPA ค่ะ
รายละเอียดของทุนนี้มีอยู่ว่าเป็นทุนให้เปล่า จำนวนเงินทุนอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นทุนที่ดีมากๆ เพราะเราไม่ต้องกลับมาใช้ทุนหรือทำงานคืนทุนให้กับเขา และการจ่ายทุนให้คือการให้เงิน 5,000 ดอลลาร์ภายในครั้งเดียวจบเลย เนื่องด้วยทุนที่มันดีขนาดนี้ผู้ที่ได้ทุนจึงมีที่ว่างอยู่ที่ 2 เท่านั้น โดยคุณสมบัติของคนที่สมัครคือจะต้องเป็นนักเรียนป.เอก หรือคนที่สมัครเรียน Higher Degree by Research ที่สมัครเรียนในปี 2025 ที่มหาวิทยาลัย University of Southern Queensland เท่านั้น

เห็นแบบนี้ก็หวานหมู โอกาสทองมาถึงมือของเราแล้ว! ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่ 2 ทุน แต่เด็กเรียนป. เอก และพวกที่เรียน Master by Research นั้นมีไม่เยอะ และก็จำกัดวงแคบอยู่ที่นักเรียนที่โรงเรียนป.เอกภายในปี 2025 เท่านั้น แต่สิ่งที่ยากคือมันไม่มีการจำกัดว่าต้องเป็นนักเรียนป.เอกสายอะไร ที่เรามองว่ามันยากเป็นเพราะว่าหัวข้อ Project ป.เอกของเรานั้นมันอาจจะไม่ได้ฟังดูว้าวเหมือนคนอื่นๆในสายอื่น อย่างเช่น คนที่ทำอยู่ในสายการแพทย์ หรือพวกสายสิ่งแวดล้อมที่สร้างอิมแพคให้กับสังคม
แต่จะคิดมากไปทำไมล่ะในเมื่ออย่างที่บอกไปขั้นต้นว่าโอกาสมาถึงมือของเราแล้ว หน้าที่ของเราคือทำส่วนของเราให้ดีที่สุด นั่นก็คือการเขียนเรียงความสั้นๆ เขาจะเลือกเราไหมนั่นเป็นหน้าที่ของเขา
สิ่งที่เราจะต้องทำคือเขียนเรียงความเพื่อตอบคำถาม 3 คำถามซึ่งก็คือ
– What influenced and motivated you to choose your study program at UniSQ
– How you see yourself as a future professional within your field
– How will this additional funding support your successful research and study.
โดยความยาวของเรียงความนั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่ 200 คำ ต่อ 1 คำถาม
เราก็ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2-3 วันใน ตั้งแต่ร่างคำตอบ ขัดเกลาให้มันดูสวยงาม และก็พยายามเขียนให้คนอ่านเข้าใจ Impact ในงานวิจัยของเรา
ในส่วนนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวในเรื่องของการเขียนเรียงความเพื่อขอทุนที่มีมูลค่า 5,000 ดอลลาร์ จริงๆส่วนตัวเราอยากให้มีการสัมภาษณ์ด้วย เพราะพูดตรงๆว่าเราไม่รู้จริงๆว่าจะมีใครรู้จักว่างานของเรามันคืออะไร คือด้วยความที่เป็นสายวิศวะวัสดุ แค่ชื่อหัวข้อเราก็ค่อนข้างที่จะเป็นอะไรที่มันเฉพาะทางแล้วและมันเกี่ยวกับการผลิต ทั้งๆที่อิทธิพลของมันในอนาคตเนี่ยมันค่อนข้างมีสูงเพราะเราจะเลิกใช้วัสดุอย่างพวกคอนกรีตหรือเหล็กและพยายามหาวัสดุใหม่เพื่อมาทดแทนสิ่งเหล่านี้ วัสดุใหม่ที่สามารถทนต่อสิ่งแวดล้อมและแสดงแดดอันร้อนแรงในออสเตรเลียได้ไปอีก 50 ถึง 100 ปี และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการสมัครทุนตัวนี้ให้มาเขียนเรียงความ 200 คำต่อ 1 คำถาม เรารู้สึกว่ามันไม่พอ อยากจะขอรวบเป็นสัก 2 A4 เลยได้ไหม คนอ่านจะได้เข้าใจที่มาที่ไปและผลกระทบด้านบวกในงานของเรา
แต่ถ้าคนที่ทำงานสายด้านการแพทย์ สายสุขภาพ สายสังคม หรือสายสิ่งแวดล้อม คือคนอ่านเขาอ่านปุ๊บมันเข้าใจได้ง่าย และมันมองเห็นภาพรวมเลยว่า Project เหล่านี้มันค่อนข้างที่จะส่งผลกระทบในทางที่ดีขึ้นทั้งในด้านสุขภาพกายและใจของผู้คน ผลกระทบต่อด้านสังคมและนวัตกรรมในอนาคต คือพูดง่ายๆว่าพออ่านแล้วมันคิดถึง Impact อันยิ่งใหญ่ได้ในทันที และเนื่องด้วยทุนนี่สนับสนุนโดย BUPA เขามีรายละเอียดของการให้ทุนเขา ซึ่งได้กล่าวถึงคำๆนึงคือคำว่า ‘Well-being’ บอกตรงๆเลยว่าถ้าหากว่าใครทำงานด้านจิตวิทยาเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของคนในสังคมมันได้ตอบโจทย์ตอบจุดประสงค์ของการให้ทุนนี้ไปครึ่งนึงแล้ว กลับมามองที่เราผู้ซึ่งพยายามที่จะชักมานานทั้ง 5 เพื่อให้เข้ากับคำว่า ‘ Well-being’

พอเขียนเรียงความเสร็จ เช็คแล้วเช็คอีก เป่ามนต์สะกดเพี้ยงๆๆขอให้ได้ขอให้โดน เราก็ Submit ผ่านระบบภายในของมหาลัยฯ จากนั้นเราก็ได้เมลล์ตอบกลับอัตโนมัติว่าทุนนี้จะประกาศในเดือนตุลาคมค่ะ ระหว่างนี้เราก็ไม่ต้องไปโฟกัสกับมันมาก ทำงานอย่างอื่นของเราต่อไป เงิน 5,000 เหรียญมันจะมามันก็มาเองแหละ 😀
เมื่อเดือนตุลาคมมาถึงเราก็ได้เมลประกาศผลประมาณช่วงต้นเดือนตุลาคมเลย ผลออกมาว่า ‘ไม่ได้ทุน’ อันที่จริงเขามีเขียนเยอะกว่านี้ในอีเมล แต่สรุปก็คือเราไม่ได้เงิน 5,000 เหรียญนี้ ไม่ต้องอ่านรายละเอียดให้เยอะแค่ตรงพารากราฟแรกก็มีคำว่า Unfortunately เราก็พอจะเดาได้แล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่เราคิดว่าเราไม่ได้ทุนนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าโปรเจคเราได้เงินทุนและได้จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงป.เอกให้กับเราอยู่แล้ว เงินทุนนี้ก็สมควรหากเขาจะมอบให้กับคนที่ยังไม่เคยได้ทุนอะไรเลย
สำหรับบทความนี้สิ่งที่เราอยากจะมาแชร์คือ เงิน 5,000 เหรียญออสเตรเลีย นั้นถือว่าไม่น้อยเลยอันนี้คือข้อแรก ซึ่งถ้าเราได้ทุนนี้ก็บอกตรงๆว่ามันก็ช่วย support ในเรื่องของสุขภาพกายและใจของเราได้ดีขึ้น เพราะถึงแม้ว่าเราจะได้ทุนเบี้ยเลี้ยงของป. เอกรายปักษ์อยู่แล้ว แต่ได้เงินก้อนขนาดนั้นมาก็ถือว่าเป็นเสบียงกำลังเงินที่ทำให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้น อีกอย่างมันช่วยเพิ่มความมั่นใจของเราว่า เฮ้ยงานของเราก็เข้าตากรรมการเหมือนกันเว้ยเฮ้ย 55+
แต่อันที่จริงแล้วบทเรียนของเรื่องนี้คือ เราไม่ทิ้งโอกาสนี้ไป และเราเขียนเรียงความของเราอย่างเต็มที่ที่สุด หลายคนมองว่าโอ๊ย Project ของเราไม่น่าจะได้ทุนหรอก หรือกรรมการเขาอ่านก็ไม่เข้าใจหรอก หรือมีคนได้หัวข้อ project ที่ฟังแล้วดูดีกว่าเรา ซึ่งมันก็ไม่ผิดหรอกที่จะมองแบบนี้ และมันก็มีความจริงอยู่ในนั้น แต่ทำไมเราต้องเอาโอกาสที่เราได้รับมาอยู่ในมือทิ้งไปล่ะ? ได้รับโอกาสมาแล้วก็จงทำให้ดีที่สุด ความผิดพลาดระหว่างทางถือเป็นการเรียนรู้ นี่คือ Mindset ของเราที่มีต่อโอกาสนี้ค่ะ