The Power of Habit สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยนิสัยแค่ 1%

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ       : The Power of Habit
ชื่อภาษาไทย       : สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยนิสัยแค่ 1%
เขียน                       : Charles Duhigg
แปล                        : พรเลิศ อิฐฐ์, วิโรจน์ ภัทรทีปกร
สำนักพิมพ์           : วีเลิร์น, สนพ.
จำนวนหน้า          :  360 หน้า
ISBN                      : 9786162870637

ความคิดเห็น

หนังสือแนวพัฒนาตัวเองที่ไม่ใช่หนังสือแบบที่เขียนออกมาเป็นข้อๆแบบไร้ที่มาเหมือนหนังสือแนวพัฒนาตัวเองที่ไร้คุณภาพวางขายกันอย่างดาษดื่น หนังสือปกสีเหลืองเล่มนี้มีเนื้อหาที่อัดแน่นไปด้วยงานวิจัยชิ้นสำคัญๆ อธิบายว่าทำไมคนๆนึงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง มันมีอะไรมาเป็นแรงกระตุ้น?หรือไปโดนตัวไหนมา? หนังสือได้รวมรวบผลงานวิจัยจากที่ต่างๆเป็นระยะเวลาหลายปีเพื่อมาดูว่าอะไรทำให้เกิดความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จได้ ซึ่งผู้เขียนได้ร่ายยาวมาตั้งแต่จุดแรกเริ่ม โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น

หนังสือเล่มนี้ปูทางไว้ตั้งแต่การอธิบายวงจรการทำงานของนิสัย ที่เกิดจากระบบการสั่งการของสมอง อธิบายโดยละเอียดว่าแต่ละส่วนทำงานอย่างไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดยยกงานวิจัยที่มีการศึกษากันมาหลายสิบปีมาอธิบายเป็นฉากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง เพราะผู้เขียนก็อธิบายไว้ค่อนข้างเข้าใจอยู่ จากนั้นก็ได้ยกเคสตัวอย่างของบุคคลหรือบริษัท(ระดับโลก)ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เดินทางไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่ได้เกิดจากการทุ่มงบมหาศาล หรือจ้างคนที่ฉลาดที่สุดในโลกมาบริหารงานให้ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนิสัย และการปรับเปลี่ยนอะไรเล็กๆน้อยๆในตัวคนๆหนึ่ง ได้ส่งผลไปยังคนรอบข้าง ส่งผลไปยังทีม ส่งผลต่อคนในสังคมสามารถทำให้ทั้งประเทศรวมใจกันเป็นหนึ่งได้

การแข็งข้อของพาร์กส์ในวันนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบอื่นใดมากไปกว่าการทำให้เธอถูกจับกุม แต่พอนิสัยเข้ามามีบทบาท เรื่องน่าอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น

The Power of Habit

ผู้เขียนจะทำให้เราเข้าใจว่า “นิสัย” มันแก้ได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความพยายาม คือถ้าเป็นคนไทยก็จะบอกว่า ‘สันดอนขุดได้แต่สันดานมันขุดไม่ได้’ ส่วนตัวเราเชื่อว่าทุกสิ่งอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้หมด ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว บางคนอยากเปลี่ยนนิสัยหรือสิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกๆวันเพราะอยากทำ บางคนเปลี่ยนเพราะต้องเปลี่ยน ส่วนบางคนเปลี่ยนเพราะเจอจุดเปลี่ยน เราเองก็เคยเป็นพวก non-productive ในช่วงสุดสัปดาห์มาก่อน (อันนี้ไม่ผิดนะ แล้วแต่ใครจะชอบใช้ชีวิตแบบไหน) จำไม่ได้ว่าอะไรทำให้ตัวเองเปลี่ยนนิสัยลุกขึ้นมาแล้วต้องทำงานอะไรซักอย่างให้เสร็จในช่วงเสาร์-อาทิตย์ งานนั้นจะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ไม่เป็นไร แต่ต้องมีสิ่งที่เรารู้สึกว่า อืม…เสร็จแล้วนะ แล้วพบว่าเราได้ประโยชน์หลายๆอย่างจากตรงนี้มากเลย

สิ่งที่อ่านแล้วทำให้เราทึ่งคือ เราสามารถเอานิสัยหรือพฤติกรรมของมนุษย์มาใช้ประโยชน์ได้ คำว่านำมาใช้ประโยชน์ได้คือการนำมาใช้หากิน หาผลประโยชน์จากนิสัยของคนเราได้ การที่เราชอบเพลงอะไรสักเพลงอาจจะไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง …มันอาจจะเกิดจากการที่ใครสร้างขึ้นมาให้มันกลายเป็นสิ่งที่เราชอบก็เป็นได้ แล้วไหนผู้เขียนจะยกกรณีที่รัฐบาลสามารถปรับเปลี่ยนนิสัยของคนในชาติให้ทำในสิ่งที่รัฐบาลต้องการได้ นั่นหมายถึงว่าการปรับเปลี่ยนนิสัยสามารถขับเคลื่อนชาติได้เลย ขับเคลื่อนไปในทางที่ดีหรือเลวก็คงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่…เราจะทันได้สังเกตนิสัยของเรา และปรับเปลี่ยนมันทันหรือเปล่าก็ว่ากันไปอีกเรื่อง

หากใครอยากเปลี่ยนนิสัย แบบไม่อยากอ่านตั้งแต่ต้นจนจบท้ายเล่ม สามารดูได้ที่บทสรุปได้เลย ผู้เขียนได้เขียนบทสรุปเป็นเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้เราเห็นภาพ ไม่ใช่แค่คำบรรยายเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพนะ แต่เป็น ‘ภาพ’ ประกอบให้เราเข้าใจง่ายขึ้น อีกอย่างผู้อ่านจะได้ไม่รู้สึกเบื่อด้วยล่ะมั้ง

ข้อเสียสำหรับหนังสือเล่มนี้ เราคิดว่าใครที่ไม่ค่อยชินกับการเล่าเรื่องแบบ flash back กลับไปมา อาจจะงงๆหน่อย เพราะหัวข้อภายในเล่มนี้แต่ละเรื่องจะมีการเล่าเรื่องแบบกลับไปกลับมา แบบว่ากำลังเล่าเรื่องนี้อยู่เกือบจะถึงใจความสำคัญแล้ว ก็เบรคเราไว้ก่อน มาพิจารณาข้อมูลอีกส่วนหนึ่งก่อน จากนั้นก็ตัดกลับมาที่เรื่องที่กำลังเล่าไว้เมื่อครู่ แล้วก็เล่าไปเรื่อยๆไปจนถึงจุดพีค! เข้าใจว่าผู้เขียนอาจจะพยายามทำให้เห็นภาพโดยรวม แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้ยเคยงานเขียนแบบนี้ก็สามารถทำให้ตามไม่ทันได้เหมือนกัน