จินตนาการไม่รู้จบ

ชื่อหนังสือภาษาเยอรมัน     : Die unendliche Geschichte 
ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ : The Neverending Story
ชื่อภาษาไทย : จินตนาการไม่รู้จบ 
เขียน                  : Michael ende (มิชาเอ็ล เอ็นเด้)
แปล                : รัตนา รัตนดิลกชัย
สำนักพิมพ์       : แพรวเยาวชน
จำนวนหน้า       : 491 หน้า
ISBN                : 9786161850449
ภาษา                : ไทย
ราคาปก          : 269 บาท


ปกติแล้วเราเลือกที่จะอ่านหนังสือที่เป็นรูปเล่มเพราะชอบกลิ่นและเนื้อสัมผัส อีกเหตุผลคือเรารู้สึกว่าเวลาอ่านหนังสือที่เป็นรูปเล่มแล้วมันเข้าสมองดี แต่ ‘จินตนาการไม่รู้จบ’ เป็นหนังสือเล่มแรกที่ซื้อมาอ่านในรูปแบบหนังสือออนไลน์ เล่มนี้เราซื้อมาจาก  meb เนื่องมาจากว่าอยู่ออสเตรเลียแล้วหาซื้อหนังสือที่เป็นภาษาไทยลำบาก ก็เอาวะลองดูสักตั้งกับการอ่านหนังสือ e-book


เรื่องย่อ

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ‘บาสเตียน’ เด็กชายรูปร่างอ้วนท้วมและมักจะโดนรังแกเป็นประจำที่โรงเรียนได้วิ่งหนีเด็กเกเรกลุ่มหนึ่งเข้าไปในร้านขายหนังสือ ทันใดนั้นเขาเห็นหนังสือเล่มหนึ่งและขโมยมันออกมาจากร้าน เด็กชายผู้น่าสงสารรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่มีที่ไปแล้วจึงไปซุ่มอ่านหนังสืออยู่ในห้องเก็บของของโรงเรียน 

เนื้อหาในหนังสือเริ่มต้นที่ว่าดินแดนแห่งจินตนาการกำลังถูกความว่างเปล่ากลืนกิน ในขณะเดียวกันองค์จักรพรรดิดีนี้ผู้ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเกิดก็ดันมีอาการประชวร ทว่าทรงยังห่วงใยทุกชีวิตในดินแดนจินตนาการแห่งนี้ จึงได้มอบหมายให้ ‘อัทเทรอู’ ทำภารกิจบางอย่าง 

แต่ทำไมหนอ…ยิ่งบาสเตียนอ่านหนังสือเล่มนี้ไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึก ยิ่งเข้าใจ เสมือนกับว่าตนเองเป็นตัวละครหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ เขาหารู้ไม่ว่าหน้าหนังสือแต่ละหน้าที่ถูกเปิดอ่านกำลังพาเขาให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งจินตนาการ ดินแดนที่จะทำให้บาสเตียนรู้จักหัวใจของตัวเองมากขึ้น


ความรู้สึกหลังอ่าน

เริ่มต้นอ่านแรกๆรู้สึกเหมือนเป็นหนังสือนิยายวรรณกรรมแปลสำหรับเด็กที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย มีตัวละครแปลกๆหลายตัว ลักษณะแตกต่างกันออกไปตามที่จะจินตนาการได้ ชื่อเรียกของสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้มีเยอะแยะมากมายจนเฝือที่ปรากฏตัวในบทสองบทแล้วก็ไม่มีการกล่าวถึงอีกเลย เค้าโครงเริ่มเรื่องก็ดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องราวการผจญภัยแบบเดิมๆ ที่มีผู้ที่ถูกเลือกให้ไปกระทำภารกิจบางอย่างเพื่อที่จะกอบกู้โลกแห่งนี้เอาไว้ จังหวะจะโคนระหว่างการผจญภัยที่ตัวเอกของเรื่องกำลังเพลี่ยงพล้ำ แต่จะต้องมีความโชคดีเกิดขึ้นบางอย่างทำให้ตัวละครนั้นเอาชนะสิ่งชั่วร้ายนั้นได้แบบงงๆ

แต่พออ่านไปเรื่อยๆก็รู้สึกได้ถึงความมีมิติในหนังสือเล่มนี้ เรามองว่าเป็นโลกซ้อนโลก มีตัวละครที่ทับซ้อนกัน

โลกแห่งความเป็นจริงและมิติของดินแดนแห่งจินตนาการนั้นอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน? ไม่สามารถวัดเป็นระยะทางออกมาได้ แต่หากคุณได้ปล่อยตัวเองไปกับจินตนาการตามท้องเรื่อง คุณจะพบว่าโลกทั้งสองโลกนี้กลับอยู่ใกล้กันเกินกว่าที่เราตระหนัก การที่บาสเตียนได้เข้าไปในโลกจินตนาการทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษ มีรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลา พลังที่ไร้ขีดจำกัด รวมไปถึงการได้ครอบครอง ‘ออรีน’ สิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวงในดินแดนจินตนาการซึ่งเป็นของที่ยุวจักรพรรดินีมอบให้ 

ทุกสิ่งในสายตาเจ้าล้วนต้องมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคนดีหรือปีศาจ สวยงามหรือน่าเกลียด โง่หรือฉลาด

ไครอน – จินตนาการไม่รู้จบ

…ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วนะตอนนั้นเขาคือเด็กชายที่มีรูปร่างอ้วนและมักจะถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ สิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง ตอนนี้เขาได้มันมาแล้ว ทำให้บาสเตียนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่ายิ่งอยู่ในดินแดนแห่งนี้นานเท่าไหร่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองนั้นกลับเลวร้ายลงทุกที จากความมั่นใจแปรเปลี่ยนเป็นความทรนงในตนเอง วันเวลาผ่านไป…บาสเตียนลืมแม้กระทั่งชื่อ ลืมเรื่องราวในวัยเด็ก ลืมความปรารถนาที่แท้จริงในจิตใจของตนเอง…

เนื้อเรื่องแบบโลกทับซ้อนโลกโดยแบ่งเป็นโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งจินตนาการทำให้เราเห็นว่าอันที่จริงแล้วโลก 2 ใบนี้มันอยู่ใกล้กันมาก หากโลกของมนุษย์เราไม่มีจินตนาการ มนุษย์อย่างเราอาจจะไม่เดินมาจนถึงจุดนี้ ไม่มีความหวัง ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีหนังสือ ภาพยนตร์ ศิลปะอันทรงคุณค่าให้เราได้เสพ แต่กลับกันหากคนเราปล่อยให้ตัวเองอยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝันแห่งจินตนาการนานเกินไป เราอาจจะคุยกับคนในโลกแห่งความเป็นจริงไม่รู้เรื่องเลยอีกเลย เหมือนกับที่บาสเตียนเริ่มลืมทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเนื่องจากเขาใช้เวลานานเกินไปในโลกแห่งจินตนาการ 

หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้คนอ่านอย่างเราได้ลองมานั่งทบทวนดูว่าอันที่จริงแล้วเราทุกคนมีความต้องการมีความปรารถนามากมายไม่รู้จบ ในชีวิตคนเราต่างคนก็ต่างดิ้นรนทำให้สิ่งเหล่านั้นเป็นจริง ไขว่คว้าให้ได้มันมา จนบางครั้งเราเองก็ลืมไปว่าเป้าหมายในชีวิตของเราอันที่จริงแล้วคืออะไร อะไรกันแน่เป็นสิ่งที่เราต้องการ หากได้อ่าน ‘จินตานาการไม่รู้จบ’ สักครั้ง คุณอาจตั้งคำถามเดียวกับเราก็เป็นได้

Michael ende (มิชาเอ็ล เอ็นเด้) (รูปจาก https://static.tvtropes.org/) และปกหนังสือฉบับภาษาอังกฤษบน bookdepository

ท้ายสุดตรงนี้เราได้ไปอ่านประวัติของผู้เขียนซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นประวัติที่น่าสนใจมากๆรวมไปถึงเหตุผลที่เขาเลือกเขียนวรรณกรรมเยาวชน ลองมองให้ลึกลงไปสักนิดจะพบว่ามีนัยยะทางการเมืองแฝงอยู่ นอกจากนี้ในช่วงชีวิตหนึ่งของเขากลับถูกหาว่าเป็นผู้หลบหนีจากความเป็นจริง อันเนื่องมาจากว่าแนวหนังสือที่เขาเขียนไม่ตรงกับสังคมในอุดมคติ ณ ขณะนั้น หากใครสนใจเรื่องราวความเป็นมาชีวประวัติของผู้เขียน Michael ende (มิชาเอ็ล เอ็นเด้) สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่  มิฆาเอ็ล เอ็นเด้ กับจินตานาการไม่รู้จบ (ชื่อเขียนของผู้แต่งในภาษาไทยแตกต่างกันออกไป)

****************

หน้าที่พิมพ์ผิด

หน้า 170 เขาหวนกลับไปสู่ทะเลย่าอีกครั้งเพราะความมึนงงและหวาดกลัวตรงหน้าเขาคือควายม่วงตัวซึ่งเขายังไม่ได้ฆ่า ควรจะเป็น ขาหวนกลับไปสู่ทะเลย่าอีกครั้งเพราะความมึนงงและหวาดกลัวตรงหน้าเขาคือควายม่วงตัวใหญ่ (ตกพวกคำวิเศษณ์ เช่น ใหญ่หรือโต เป็นต้น) ซึ่งเขายังไม่ได้ฆ่า

หน้า 348 ไฮซบาลด์ผู้แบบบางที่สุดในกลุ่มไม่สามารถแม้แต่จะทรงตัวยืน ควรจะเป็น ไฮซบาลด์ผู้บอบบางที่สุดในกลุ่มไม่สามารถแม้แต่จะทรงตัวยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *