The Industries of the Future รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ) ไม่มีคุณ

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ       : The Industries of the Future
ชื่อภาษาไทย       : รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ) ไม่มีคุณ
เขียน                       : Alec Ross
แปล                        : บดินทร์ พรพิลาวัณย์
สำนักพิมพ์           : บิงโก
จำนวนหน้า         : 292 หน้า
ISBN                      : 9786168109045
ราคาปก                : 320 บาท

ความคิดเห็น

เขียนโดย Alec Ross อดีตที่ปรึกษาบารัค โอบามา และฮิลลาลี คลินตัน ว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยีต่างๆที่ทำให้มนุษย์มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และจะมีประโยชน์แก่มนุษย์อีกมหาศาลต่อไปในอนาคต โดนส่วนตัวค่อนข้างสนใจในหัวข้อที่เทคโนโลยีสามารถยกระดับชีวิตของใครหลายๆคนขึ้นมาได้ โดยเฉพาะในประเทศแถบที่ความเหลื่อมล้ำและความเจริญยังมาไม่ถึงมากนัก ใครเล่าจะไปคิดว่าแค่ “อินเตอร์เน็ต” สามารถเปลี่ยนโลกทั้งใบของผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็ยื่นมือช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่นๆให้ลืมตาอ้าปาก สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเองได้

ฉันก็เห็นว่ามันเปลี่ยนชีวิตทุกคนมากๆค่ะ ฉันเลยเข้าใจว่างานบนเน็ตจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขนาดไหนในประเทศอย่างปากีสถาน ที่แม้คนจะรู้หนังสือมากขึ้น แต่ผู้หญิงยังไปทำงานนอกบ้านไม่ได้อยู่ดี

มาเรีย อุมาร์ – The Industries of the Future

ผู้เขียนกล่าวถึงหลักการทำงานเทคโนโลยีที่ยกตัวอย่างมาให้เข้าใจอย่างง่าย มีที่มาที่ไปอย่างไร และจะเป็นยังไงต่อในอนาคต บริษัทชื่อดังในโลกที่มีผลกำไรมหาศาลต่างก็ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีกันทั้งนั้น ต้องยอมนับว่าเมื่อโลกหมุนมาในยุคปัจจุบัน ใครที่ปรับตัวไปทันก็อาจจะต้องเตรียมตัวเป็นชนชายขอบที่ต้องเตรียมตัวเป็นผู้ตกยุค แต่เทคโนโลยีไม่เพียงแค่ช่วยเราหาเงินเท่านั้น มันยังรวมไปถึงภัยเงียบของมันที่สามารถทำลายธุรกิจของคู่แข่ง และทำให้ประเทศแทบจะล่มสลายได้เลย

หัวข้อที่เคยโต้เถียงกับตัวเองเมื่อนานมาแล้วคือเครื่องแปลภาษา เคยเห็นผ่านตามาหลายครั้งในพวกบอร์ดนักแปลหรือล่ามว่าเทคโนโลยียังไงก็ไม่สามารถมาแทนที่คนในสาชาวิชาชีพนี้ได้ เพราะศาสตร์การแปลนั้นไม่ได้เป็นการแปลโดดๆเป็นคำแต่ละคำแล้วจับมาขมวดเพื่อให้เป็นประโยค แต่ว่ามันมีอารมณ์และความเข้าใจถึงศิลปวัฒนธรรมร่วมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นหลายคนจึงฟันธงกว่า ไม่มีทางตกงานในอนาคตอีก 10ปี 20ปี นี้แน่นอน แต่เดี๋ยวก่อน…ณ ปัจจุบันนี้มี Internet of Things และ Big data กำลังมาแรงแซงโค้ง หลายบริษัทเอาข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น


แล้วมันเกี่ยวอะไรกับงานแปล?

เกี่ยวสิ่ ตัวเองจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนนู้นGoogle Translate มันยังเอ๋อๆอยู่เลย คือให้เปิดดิกชันนารีทีละคำแล้วแปลเป็นประโยคเองยังเข้าใจง่ายกว่า แต่ลองดูตอนนี้สิ่ ในศตวรรษที่ 21 หากคุณลองใช้ Google Translate ดู คุณจะพบว่ามันดีกว่าแต่ก่อนจริงๆ ประโยคที่มันซับซ้อนมันก็สามารถแปลได้แทบจะไม่ผิดเพี้ยนเลยด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการรวบรวมข้อมูลโดย Big data และระบบ Cloud ที่มนุษย์ทำให้มันฉลาดขึ้นโดยที่เราอาจจะไม่ได้เฉลียวใจโดยสักนิดว่าเราเป็นผู้สร้างมันคือมา

หนังสือเล่มนี้ดีอย่างตรงที่ผู้เขียนไม่ได้เยินยอเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังพูดให้เราฉุกคิดถึงผลเสียของมัน เพราะเหรียญมี 2 ด้าน นอกจากนี้ยังให้ข้อคิดถึงประเทศที่อยากมี Silicon Valley เป็นของตัวเองบ้าง อยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนพี่เบิ้มอเมริกา ซึ่ง Alec บอกว่าไม่ต้องไปทำหรอก มาทำตอนนี้ก็สายแล้วสู้ไปทำสิ่งที่คุณถนัดเลยดีกว่า ไม่งั้นมีแต่วิ่งตามหลังเขาก็เท่านั้น

หากอ่านแล้วลองวิเคราะห์ซักนิด คุณจะรู้ว่าการเมืองที่ไม่ดีจะมีผลกระทบไปทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประเทศที่เป็นระบบเผด็จการหรือรวบอำนาจสูงสุดไว้แต่เพียงผู้เดียว มันจะก็ดีก็ต่อเมื่อผู้นำดี แต่ระบบรวมอำนาจไว้ที่หนึ่งเดียวหากผู้นำนั้นไม่เห็นดีเห็นงามกับสิ่งใหม่เพื่อที่จะนำพาประเทศไปในทางที่ดีได้ คุณก็…อ่านดูได้จากในหนังสือว่ามันมีผลกระทบอะไรบ้าง