The Day the Screens Went Blank

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ    : The Day the Screens Went Blank
ชื่อภาษาไทย        : –
เขียน                      : David Wallance
แปล                      : –
สำนักพิมพ์           : Simon & Schuster UK Ltd
จำนวนหน้า          : 240 หน้า
ISBN                       : 9781471196881
ภาษา                      : อังกฤษ
ราคาปก                : ₤7.99


เรื่องย่อ

เรื่องราววุ่นๆของครอบครัวอลเวงครอบครัวหนึ่ง พ่อผู้ซึ่งทำงานเป็นนายหน้าขายบ้าน แม่เป็นแม่บ้านที่มีอาชีพเสริมหารายได้เข้าบ้านอีกทางผ่านการขายของออนไลน์ Stella เด็กสาววัย 10 ขวบผู้ซึ่งมีระเบียบแบบแผนในชีวิตอย่างเกินตัว และ Teddy ลูกชายตัวน้อยของบ้านที่ชื่นชมเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทว่า…อยู่มาวันหนึ่ง หน้าจอบนเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกสิ่งทุกอย่างก็ใช้งานไม่ได้ เหมือนพวกมันดับไปดื้อๆเสียอย่างนั้น อุบัติการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงแถบที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ แต่ยังลามไปทั่วประเทศอังกฤษ! แล้วชีวิตนี้จะทำอย่างไรล่ะในเมื่อคุณก็รู้ว่าในศตวรรษนี้ หากไม่มีมือถือ โทรทัศน์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ smart watch หรืออะไรก็ตามแต่ที่ต้องใช้ ‘จอ’ ในการทำงาน มันลำบากสุดๆ

นอกจากความหงุดหงิด กระสับกระส่าย ความสับสนงงงวยที่ครอบครัวนี้ต้องพบเจอ พวกเขายังมีเรื่องอื่นให้ต้องกังวลมากกว่าเดิม เพราะคุณย่าของ Stella ผู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกฝั่งของประเทศคงต้องประสบปัญหาเดียวกันเป็นแน่แท้ ขนาดวัยหนุ่มสาวยังมีปัญหาในการดำรงชีวิตในวันที่หน้าจอเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงาน แล้วคุณย่าของ Stella จะอยู่ได้ไหม? Road trip แห่งการผจญภัยจึงเกิดขึ้น ได้เวลาออกเดินทางไปช่วยคุณย่าแล้ว!


ความรู้สึกหลังอ่าน

หนังสือเล่มนี้ให้กลิ่นอายเหมือนดูหนังพวก Little Miss Sunshine หรือ Vacation ที่ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวผ่านการเดินทางด้วยยานพาหนะอย่างรถยนต์ ในรถยนต์แคบๆนี่แหล่ะที่รวมสมาชิกครอบครัวที่มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างคนละขั้วเอาไว้ด้วยกัน อย่างเรื่องราวการเดินทางของครอบครัวนี้มีคุณพ่อที่ทุ่มเทให้กับการทำงานอยู่เสมอ ชีวิตติดเทคโนโลยี  มีคุณแม่เป็นแม่บ้านทำงานเป็นนักออกแบบเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆ น้องชายคนเล็กวัย 5 ขวบที่มักจะเหนียมอายอยู่เสมอเมื่อต้องพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่เขาชอบปล่อยให้จินตนาการบินวนไปกับเครื่องบินแบบต่างๆ อีกทั้งติดความบันเทิงผ่านแท็บแล็ตโดยไม่รู้ตัว และ Stella เด็กหญิงที่เป็นตัวกลางคอยดำเนินเรื่อง มีนิสัยชอบวางแผนจัดระเบียบชีวิตของตนเองรวมถึงผู้อื่น เธอมักจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัวจนน่าขัน ทั้ง 4 คนนี้ มีเหตุพลิกผันให้จำเป็นต้องใช้เวลาร่วมกันอีกครั้งผ่าน Road trip ที่ยาวนานกว่าที่มันควรจะเป็น แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบเจอระหว่างทางกลับผูกพวกเขาไว้ด้วยสายใยความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากกว่าที่เคยเป็น

…he starts to forget that his screenless life is totally worthless

The Day the Screens Went Blank

The Day the Screens Went Blank ถ่ายทอดเรื่องราวแสนโกลาหลที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ผู้แทบคลั่งเมื่อไม่สามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้ได้ มีเหตุจลาจลไปทั่ว ผู้คนก็ร่ำลือไปต่างๆนาๆถึงสาเหตุ เราลองสมมุติว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยล่ะ มันจะเป็นอย่างไรเนี่ย? ที่เราคิดไว้อย่างแรกเลยคือ ไม่ต้องทำงาน (สมควรได้รับรางวัลลูกจ้างดีเด่นที่สุด) โรงเรียนทำการเรียนการสอนไม่ได้ ธุรกรรมต่างๆได้หยุดชะงักแน่ๆโดยเฉพาะกับธนาคาร แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือครอบครัวของเราจะปลอดภัยไหมนะ? เนี่ยแหล่ะที่เราไม่รู้เลย ในเมื่อเราโทรศัพท์มือถือของเราใช้งานไม่ได้กะทันหัน แล้วเราจะติดต่อพวกเขาได้อย่างไร?

แต่วิธีการหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่คำตอบที่คุณจะพบได้ในหนังสือเล่มนี้

ระหว่างทางที่ครอบครัวสุขสันต์ 4 คนนี้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน พวกเขาทั้งได้บทเรียนจากคนที่พบเจอระหว่างทาง และการค้นพบบทเรียนด้วยตัวพวกเขาเอง บางครั้งบางคราเทคโนโลยีก็เข้ามาในชีวิตของเราจนเราลืมไปแล้วว่าโลกเองก็เคยอยู่ได้มาเป็นหลายร้อยปีโดยที่ไม่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยเหมือนที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ ระหว่างการเดินทางลุ่มๆดอนๆ พ่อและแม่ของ Stella เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กของพวกเขา เมื่อยามที่โลกยังไม่มีสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัยพวกนี้ว่าพวกเขาอยู่อย่างไร ทำให้ Stella และ Teddy แอบนึกฉงนอยู่ไม่น้อยว่าคนเราสามารถอยู่แบบนั้นได้จริงๆหรอ?  เอาอย่างที่เห็นภาพง่ายๆก็เรื่องโทรศัพท์มือถือที่พ่อของ Stella เล่าให้ฟังว่าสมัยที่มือถือยังไม่แพร่หลายอย่างนี้ เวลาเราจะนัดใครสักคนเราต้องไปให้ตรงเวลา เพราะเราไม่สามารถส่งข้ออ้างถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงไปสายได้ และถ้ามาช้าก็คงไม่รู้จะตามใครได้ที่ไหนเพราะไม่รู้จะตามกันอย่างไร

พ่อเราก็บอกเราอย่างนี้เหมือนกันนะ 🙂

หนึ่งตัวอย่างที่แม่ของ Stella เล่าเรื่องราวถึงความหลังให้เธอฟังว่าสมัยก่อนน่ะ ไม่มีหรอกที่จะมาเซฟเบอร์โทรศัพท์ไว้ในมือถือ เพราะส่วนใหญ่ก็จำไว้ในหัวกัน ซึ่งทำให้ Stella สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่ามนุษย์เราอะไรแบบนี้ได้ด้วย หรือว่าที่จริงแล้วเราเป็นหุ่นยนตร์กันแน่ ถ้าถาม myPTEjourney เรายังจำได้อยู่นะสมัยที่ใช้โทรศัพท์บ้านแล้วโทรไปหาเพื่อน เบอร์โทรศัพท์เพื่อนบางคนนี่ยังจำได้ถึงทุกวันนี้อยู่เลย   .ฮา. สมัยนั้นไม่มีนะโทรศัพท์ส่วนตัว โทรศัพท์มือถือแพงมาก และถ้าโทรไปเพื่อนไม่รับก็ต้องเป็นพ่อกับแม่เพื่อนรับสายก่อน แล้วก็เรียกเพื่อนมารับสายต่อ และเราก็ทันสมัยที่เวลาเขามีงานแต่งงานแล้วแจกสมุดโทรศัพท์เป็นของชำร่วยนะ จำภาพที่คุณยายนั่งถ่ายโอนข้อมูลด้วยการคัดลอดเบอร์โทรคนที่ติดต่อจากสมุดโทรศัพท์เล่มหนึ่งไปอีกเล่มหนึ่งได้ ใช้เวลาทั้งคืนนะ ไม่ใช่คืนเดียวด้วย ฮาๆ ก็นะ…สมัยไปสิบกว่าปีก่อนเราอยู่กันแบบนี้แหล่ะ

เรื่องราวย้อนเล่าถึงความหลังในหนังสือเล่มนี้ มีให้ผู้อ่านได้ซึมซาบเป็นระยะ หากคุณโตมาเป็นเด็กยุค Millennium คุณจะเข้าใจทันทีว่าตัวละครเหล่านี้พูดถึงเรื่องอะไร หากคุณเกิดไม่ทัน (แสดงว่าคุณไม่ทันสมัย…ล้อเล่นนะ) อย่างน้อยคุณก็คงเคยได้ยินหรือเห็นแวบๆบ้างล่ะ ยิ่งตอนที่คนพ่อเล่าให้ฟังอย่างเวลาจะอัดเพลงโปรด ต้องอัดจากรายการวิทยุ แล้วเพลงของเราที่อัดไว้ก็จะมีเสียงดีเจติดมาด้วยตอนช่วงต้นของเพลง หรือไม่ก็ช่วงหัวของเพลงไม่มีเพราะอัดไม่ทัน…นี่แหล่ะฉันชัดๆ (แล้วพ่อก็บ่นทีหลังนะว่าทำไมเอาเทปคาสเซ็ตของพ่อไปอัดอะไรแบบนี้ เสียหายหมด – ขอโทษจริงๆนะพ่อ แห่ะๆ)

อย่าหวังหาคำตอบว่าทำไมอยู่ดีๆพวกหน้าจอเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆถึงใช้ไม่ได้ แล้วสุดท้ายรัฐบาลจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่? หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเฉลยไว้ หากแต่จะค่อยๆบรรยายเรื่องราวของตัวละครที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในวันที่ไร้เทคโนโลยี เรื่องราวตามทางต่างๆที่พวกเขาได้ประสบกับตัวได้เปลี่ยนทันคติและมุมมองในชีวิต มุมมองที่เล็กเหลือเกินจนเรามองข้ามมันไป เราจะได้รู้สึกถึงวัยเด็กของพวกเราอีกครั้งผ่านการรำลึกความทรงจำในร่างผู้ใหญ่ ทำไหมหนอ…ตอนเด็กเราถึงมีความสุขได้ทั้งๆที่ชีวิตก็ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายอย่างนี้ ทำไมบ้านหลังเล็กๆเราถึงรู้สึกว่ามันใหญ่อย่างกับปราสาท ทำไมสวนหลังบ้านมันเลี้ยวลดอย่างกับเขาวงกต มาเถอะ…ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของคุณ มาเริ่มต้นออกเดินทางไปด้วยกัน!

Just being somewhere else. Doing something new.

The Day the Screens Went Blank