myPTEjourney มักจะบอกคุณผู้อ่านอยู่เสมอว่าการสอบ PTE เป็นการสอบเชิงบูรณาการที่มีการผสมผสานหลายทักษะเข้าด้วยกันภายในข้อๆหนึ่ง ตัวข้อสอบจะเน้นบรรยากาศในการใช้ภาษาอังกฤษระดับ Academic สำหรับ Summarize spoken text ก็เช่นกันค่ะ ใน Task นี้ เปรียบเสมือนกับการได้เข้าไปนั่งฟังเลคเชอร์ ฟังสัมมนา ฟังบทสัมภาษณ์จริงๆ ที่เป็นเหตุการณ์จริง ไม่ใช้ตัวแสดง (จริงๆนะ) แล้วคุณจะต้องมานั่งเขียนสรุปประเด็นสำคัญในสิ่งที่เราได้ฟังไป ดีไม่ดีเพื่อนอาจจะมาขอยืมเลคเชอร์เราก็อาจเป็นได้
สำหรับข้อสอบ Task นี้เราว่ามันสนุกดีนะคะ คล้ายกับได้ฟังความรู้เชิงวิชาการเพลินๆ อีกมือหนึ่งก็จดใจความสำคัญลงในสมุดจดที่ทาง PTE ให้มาก่อนเข้าห้องสอบ แล้วก็มาพิมพ์สรุปว่าเลคเชอร์ที่เราได้ฟังมามีเนื้อหาอะไรสำคัญบ้าง ได้บรรยากาศราวกับนั่งฟังอาจารย์สอนในมหาลัยฯเลย ฟังแล้วไม่ได้เข้าทะลุหูซ้ายออกหูขวาเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ แต่ฟังแล้วต้องมีคะแนนนะ .ฮา.
Summarize Spoken Text คืออะไร?
Task นี้เป็นอะไรที่เรียกว่า Long-answer listening คือผู้เข้าสอบจะได้ฟัง Recording ประมาณ 60-90 วินาทีในรวดเดียว จากนั้นเราจะต้องทำการสรุปเนื้อหาใจความสำคัญจากสิ่งที่เราได้ฟังไปค่ะ ซึ่งเราต้องเขียนสรุปตอบให้อยู่ในช่วง 50-70 คำเท่านั้น และผู้เข้าสอบทุกท่านจะมีเวลาเขียนสรุปส่งคำตอบภายใน 10 นาที (ผู้เข้าสอบ PTE มีเวลาในการทำข้อสอบ 10 นาที/ข้อ) อย่าลืมดูเวลาตรงหัวมุมบนขวาบนหน้าจอเพื่อทำให้เสร็จภายในเวลาที่เขากำหนดนะคะ สำหรับ Task นี้ก็มีแค่นี้จริงๆค่ะ
Summarize spoken text จะวัดทักษะทั้งการฟังและการเขียนภาษาอังกฤษของผู้เข้าสอบ เพราะฉะนั้นพยายามตั้งใจฟังและจด keywords ที่สำคัญๆลงในสมุดทดของคุณได้เลย
จำนวน Task ของ Summarize spoken text มี 2-3 ข้อ* ด้วยกัน
หมายเหตุ : ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.2564จำนวนข้อสอบในส่วนนี้จะเหลือพียงแค่ 1-2 ข้อเท่านั้น
แต่ละส่วนที่ปรากฏบนหน้าจอคืออะไร?
1) Instruction
คือคำแนะนำว่าเราจะต้องทำอย่างไรกับข้อสอบที่เราเห็นบนหน้าจอในขณะนี้ โดยข้อสอบ PTE ได้บอกไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้เข้าสอบได้เข้าใจอย่างง่ายที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุดว่าต้องทำอย่างไร
You will hear a short lecture. Write a summary for a fellow student who was not present at the lecture. You should write 50-70 words.
You have 10 minutes to finish this task. Your response will be judged on the quality of your writing and how well your response presents the key points presented in the lecture.
คุณจะได้ยินเลคเชอร์สั้นๆ. เขียนสรุปสำหรับเพื่อนร่วมคลาสที่ไม่ได้เข้าฟังเลคเชอร์. คุณควรเขียนสรุปให้อยู่ในระหว่างช่วง 50-70 คำ.
คุณมีเวลา 10 นาทีที่จะทำ Task นี้ให้เสร็จ. คำตอบของคุณจะถูกตัดสินโดยดูจากคุณภาพในการเขียนคำตอบและดูว่าคำตอบของคุณมีข้อมูลสำคัญใดๆบ้างที่ปรากฏในเลคเชอร์
2) Audio Status Box and volume control
สำหรับพาร์ท Listening จะมีกล่อง Audio ซึ่งไม่ใช่กล่อง Recording เหมือนในพาร์ท Speaking อย่าสับสนกันนะคะ เจ้ากล่องนี้จะแสดงสถานะเวลาที่นับถอยหลัง โดยเวลาจะเริ่มนับจากวินาทีที่ 12 และจะลดลงเรื่อยๆ จนเมื่อถึงวินาทีที่ 0 ผู้เข้าสอบจะได้ยิน Recording นอกจากนี้ผู้เข้าสอบยังสามารถปรับระดับความดังของ Recording ได้ โดยเลื่อนเจ้าสิ่งที่คล้ายๆกับแท่งดินสอไปทางซ้ายเพื่อลดเสียง ไปทางขวาเพื่อเพิ่มเสียงค่ะ (หรือจะเลือกปรับจากที่หูฟังก็ได้เช่นกัน)
สำหรับแถบช่องว่างสีขาวๆใต้ Volume จะแสดงให้เราเห็นว่า Recording ที่เราฟังอยู่นั้นมีความยาวอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว โดยจะปรากฏเป็นแถบสีฟ้าขึ้นมาเป็นขีดๆเหมือนใน Recording Status Box ยิ่ง Recording เล่นไปเรื่อยๆ เจ้าแถบสีฟ้านี้ก็จะเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆเช่นกัน เมื่อไหร่ที่ Recording จบ แถบสีฟ้าก็จะมาหยุดตรงปลายช่องพอดีค่ะ
หากยังนึกไม่ออก ลองนึกถึงเวลาเราฟังเพลงจาก Youtube มันจะมีแถบเวลาที่มีเส้นสีแดงๆค่อยเลื่อนไปด้านขวาเรื่อยๆ พอเพลงจบ เส้นสีแดงก็จะวิ่งมาหยุดที่ด้านขวามือสุดพอดีเลย อย่างใดอย่างนั้นค่ะ
3) Type your answer here กล่องสำหรับพิมพ์คำตอบ
ในเมื่อผู้เข้าสอบ PTE Academic จะต้องพิมพ์คำตอบอะไรซักอย่างไม่ว่า Task ไหน กล่องสีขาวเนื้อที่โล่งนี้จะโผล่ออกมาเสมอเพื่อให้ผู้เข้าสอบได้สอบพิมพ์คำตอบลงไป
4) Editing tools
สำหรับการสอบ PTE Academic เราไม่สามารถใช้ปุ่ม Ctrl + C, Ctrl + X, Ctrl + Z ได้ทั้งนั้น แต่ทาง Pearson ยังมีน้ำใจอยู่ที่ยังมีปุ่มอำนวยความสะดวกสำหรับเวลาพิมพ์คำตอบแบบ long-answer มาให้ เราสามารถใช้ปุ่ม Cut/Copy/Paste ได้ตามสะดวกของผู้เข้าสอบแต่ละท่านเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งกด Backspace รัวๆ
5) Word count
ตรงมุมล่างซ้ายของหน้าจอจะมี Word count ให้ผู้เข้าสอบทราบว่า ณ ตอนนี้คุณได้พิมพ์คำตอบลงไปทั้งหมดกี่คำแล้ว เพราะคำตอบของเราจะต้องอยู่ในช่วง 50-70 คำ เราไม่สามารถพิมพ์เกิน 70 คำได้ ระบบจะไม่ให้เราพิมพ์ต่อ นี่ถือได้ว่าเป็นความใจดีของ Pearson เพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้วกันนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจมีได้พิมพ์เกินกันแน่ๆ
ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลมากเท่าไหร่สำหรับ Summarize spoken text เนื่องด้วยรูปแบบในการทำข้อสอบส่วนนี้ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีสัญลักษณ์พิเศษที่เราต้องคอยดูว่าจะต้องพูดหรือใกล้จะต้องหยุดพูดเมื่อไหร่ ขอเพียงแค่เราสามารถจับประเด็นหลัก ประเด็นย่อยของเรื่องที่ได้ฟังว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงพวก Keywords ต่างๆ เพื่อที่จะนำมาเขียนสรุปเป็นคำตอบให้คนอื่นเข้าใจก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเราอยากให้ผู้เข้าสอบ PTE ทุกท่านระลึกเสมอว่าใน Summarize spoken text จะ…
- มีโอกาสในการฟัง Recording เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และสิ่งที่เราได้ยินจะถูกอัดออกมาจากงานจริง สถานการณ์จริง แน่นอนว่าเราต้องตั้งใจฟังข้อสอบทุกข้ออยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ว่าเสียงที่ถูกอัดมันสดมากๆ แบบมีเสียงสภาพแวดล้อมแทรกเข้ามา บางทีก็เป็นเสียงก้องเพราะมีการพูดใส่ไมค์ หรือเสียงคนคุยกันในงานหึ่งๆเป็นฉากหลัง เพราะฉะนั้นตัวเราต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษค่ะว่าประเด็นหลักที่ผู้บรรยายพูดคืออะไร และเลคเชอร์มักจะเป็นระดับ Academic ซึ่งบางครั้ง (หรือหลายครั้ง) เราอาจจะฟังไม่ค่อยเข้าใจหรือจับประเด็นไม่ค่อยถูกก็เป็นได้
- ผู้เข้าสอบมีเวลา 10 นาทีสำหรับ Summarize spoken text เวลา 10 นาทีนี้เป็นเวลาสำหรับโจทย์แต่ละข้อ กล่าวคือหากมี Summarize spoken text 2 ข้อ คุณก็จะได้เวลาในการทำ Task นี้ 10 นาทีสำหรับข้อที่ 1 และอีก 10 นาทีสำหรับข้อ 2 ซึ่งเวลาที่ทาง Pearson ให้นั้น myPTEjourney มองว่าให้มาค่อนข้างเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นพยายามเขียนสรุปออกมาให้ดีๆนะคะ
- อย่าลืมตรวจสอบเรื่องแกรมม่า/ตัวสะกด ด้วยความที่บางทีรีบพิมพ์อาจจะทำให้เราพิมพ์ผิดหรือตกหล่นไปบ้าง บางครั้งก็ใช้แกรมม่าไม่ถูกต้อง ตามที่เราได้เอ่ยไว้ในวิธีการทำข้อสอบใน Task นี้ตามรูปภาพด้านบนว่าหากเราเขียนคำตอบเสร็จแล้ว เราอยากจะให้ผู้เข้าสอบกลับมาเช็คพวก Spelling, Mechanics, Phrases หรืออะไรพวกนี้อีกที สำหรับบางคนการพิมพ์เร็วกว่าเขียนก็จริง แต่ด้วยความรวดเร็วตรงนี้ก็มักทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้เช่นกัน
- สรุปให้อยู่ในช่วง 50-70 คำ เกินกว่านี้คุณจะพิมพ์ไม่ได้ เอาจริงๆเราว่าตรงนี้เป็นข้อดีอีกข้อที่ทาง Pearson ช่วยเราไว้เต็มๆเลยนะ ไหนจะมี Word count ให้เรียบร้อยตรงซ้ายมือล่างของหน้าจอ และถ้าหากคุณพิมพ์เกินมันก็จะพิมพ์ไม่ขึ้น พยายามกะให้ใจความรวมของสรุปอยู่ในช่วงคำที่เขากำหนดค่ะ
★ ตั้งใจฟัง Recording ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ผู้พูดบรรยาย ให้เราพยายามจด Keywords ที่สำคัญๆลงในกระดาษทดไว้ค่ะ เราจะได้นำสิ่งเหล่านี้มากรองเป็นข้อมูลอีกทีเวลาเราเขียนสรุป หากคุณไม่จดอะไรเลย มันก็ยากจะเอาข้อมูลมาเขียนคำตอบ
★ อย่าลืมดูเวลาเป็นระยะๆว่าเราได้ใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้ว ส่วนตัวเรามองว่าการเขียนสรุปเลคเชอร์ออกมาด้วยคำ 50-70 คำเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่จะนานก็ตรงที่เราจะเขียนอย่างไรให้ได้คะแนนดีเนี่ยแหล่ะ .ฮา. อย่างไรเสีย การหมั่นเช็คเวลาที่เหลืออยู่ก็จะทำให้เราสามารถคำนวณเวลาถูกได้ว่า ณ ตอนนั้นคุณควรทำอะไรบ้าง หากมีเวลาเหลือคุณอาจจะอยากเพิ่มระดับคำตอบของคุณให้สวยงามมากยิ่งขึ้นก็สามารถทำได้เช่นกัน
★ตรวจทาน ตรวจทาน และตรวจทาน อย่างที่เน้นว่าเราอยากให้ผู้เข้าสอบได้เผื่อเวลาไว้สัก 1-2 นาทีเพื่อที่จะเช็คว่าคำตอบของเรานั้นสมบูรณ์หรือไม่ มีอะไรอยากปรับแก้เพิ่มเติมให้มันดีกว่าเดิมอีกหรือเปล่า บางทีคุณอาจจะเขียนสรุปเพลินไปหน่อยจนไม่มีเวลาเหลือไว้ตรวจทานเลย เมื่อเขียนสรุปเสร็จแล้ว คุณควรจะตรวจสอบทั้งเรื่อง Spelling, Vocabulary, Grammar, Tenses อะไรก็ตามแต่ว่าถูกต้องหรือไม่
★ใน Task นี้ ทาง Pearson ใจดีโดยการให้ปุ่มช่วยเหลือในการพิมพ์ของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องกด Backspace อย่างเดียวนะคะ แต่ยังสามารถเลือก Copy, Cut, Paste ในส่วนต่างๆของคำตอบคุณได้อย่างรวดเร็ว (การใช้ปุ่มบนแป้นพิมพ์เพื่อใช้คำสั่งลัด ไม่สามารถทำได้)
อย่าลืมตรวจทานคำตอบทุกครั้งก่อนกด Next
myPTEjourney
สิ่งต้องห้ามใน Multiple-choice, choose single answer หากอยากได้คะแนนดี
ไม่จดอะไรเลย คือจะบอกว่าการไม่จดสิ่งที่ได้ฟังไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไรนะคะ อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หากคุณคิดว่าคุณจำใจความสำคัญๆ ประเด็นหลัก ประเด็นรองของ Recording ได้ทั้งหมด คุณอยากจะนั่งฟังเฉยๆก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคุณต้องฟังเลคเชอร์ระดับ Academic ภายในรวดเดียวเป็นระยะเวลา 60-90 วินาที แน่ใจแล้วหรือเปล่าว่าคุณจะไม่พลาด Keywords หรือประเด็นสำคัญๆไป?
ใจลอย อันนี้ก็แล้วแต่อารมณ์ของผู้เข้าสอบ ณ ตอนนั้นแล้วล่ะ .ฮา. เข้าใจว่า Recording บางทีมันน่าเบื่อ (น่าเบื่อจริงๆนะ) แต่ก็ต้องฟังแหล่ะค่ะ ยิ่งผู้พูดบางคนนี่น้ำเสียงราบเรียบมาก ฟังแล้วชวนหลับ แต่ก็ต้องพยายามตั้งใจฟังว่าเขาพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร
ไม่ตรวจทาน เราว่าใน Summarize spoken text เป็น Task ที่สามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงได้เลย เพราะบางทีพิมพ์ผิดคำง่ายๆทั้งๆที่ไม่ควรจะผิดเลย อย่างว่าแหล่ะ บางทีก็รีบพิมพ์ไปหน่อย ไม่ทันได้เช็ค เลยทำให้คลาดสายตา หรือบางทีประโยคหนึ่งใช้ Present tense แต่ verb อีกตัวในประโยคเดียวกันดันเติม –ed แบบเนี้ยะ…มันน่าไหม เพราะฉะนั้นอย่าลืมเหลือเวลาตรวจทานไว้ด้วยนะคะ
Summarize spoken text ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของผู้เข้าสอบทุกท่านค่ะ การฟังบรรยายแล้วต้องจดเนื้อหาสิ่งที่ผู้พูดบรรยาย เราทุกคนมีทักษะติดตัวกันมาตั้งแต่วัยประถม/มัธยม/มหาลัยฯอยู่แล้ว เพียงแค่ครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษก็แค่นั้นเอง ในบทความครั้งหน้า myPTEjourney จะเอาทริคดีๆมาฝาก สำหรับการฝึกมือการทำข้อสอบใน Task นี้นะคะ
หากใครสงสัยว่า Summarize spoken text รูปแบบการทำข้อสอบเป็นอย่างไร อยากเห็นวิธีการทำข้อสอบ ดูได้ที่ VDO ด้านล่างนี่เลยค่ะ (ตัว VDO จะเป็น format ที่มาจาก Scored practice test นะคะ ซึ่งรูปแบบข้อสอบจริงไม่ได้ต่างจากตัว VDO นี้เท่าไหร่เลยค่ะ)