Dust City ดัสต์ ซิตี้

ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ         : Dust City
ชื่อภาษาไทย          : ดัสต์ ซิตี้
เขียน                        : Robert Paul Weston (โรเบิร์ต พอล เวสตัน)
แปล                         : ม.ล. วีรอร วรวุฒิ
สำนักพิมพ์              : Westwood Creative Artists Ltd.
จำนวนหน้า             : 252 หน้า
ISBN                      : 9786161402952
ภาษา                      : ไทย
ราคาปก                  : 220 บาท

ความคิดเห็น

มันคือนิทานกริมม์ที่ถูกนำมาผสมผสานเรียบเรียงเรื่องราวขึ้นใหม่ แน่นอนว่าตามต้นฉบับแล้วถึงจะชื่อว่า ‘นิทาน’ ก็จริง แต่มันไม่ใช่นิทานฝันดีก่อนนอนเลย ในเรื่องมีทั้งการต่อสู่ การกักขัง การแบ่งแยกชนชั้น รวมถึงการบรรยายลักษณะอันน่าสยดสยองอย่างละเอียด ทั้งเลืดก แผลเหวอะหวะ และกระดูก

หมาป่าหนุ่มเฮนรี่ เวลป์ คือตัวเอกในการดำเนินเรื่องที่ต้องฝ่าฟันเอาชีวิตรอดในสถานกักกันพวกเยาวชนเหลือขอ ที่ๆไม่ได้สนามหญ้าไม่ได้มีไว้วิ่งเล่น แต่มันคือในสนามแข่งอันดุเดือดของแต่ละชาติพันธุ์  เฮนรี่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดหลบหนีจากสถานที่สำหรับเด็กที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกเด็กเลว เพื่อสืบหาข้อมูลชิ้นสำคัญที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ ‘พ่อ’ ที่อยู่ในคุกด้วยข้อหาฆ่าคุฯแก่และเด็กน้อยคนหนึ่งจนตาย ชีวิตบทใหม่ของหมาป่าหนุ่มตัวนี้จึงเริ่มต้นขึ้น เขาต้องผ่านสังเวียนที่มีการเสียเลือดเนื้อ พอเจอผู้คนและสัตว์ป่าที่เป็นมิตร หรืออาจเป็นศัตรูที่ร้ายฉกาจ และเป็นผู้ไขความลับของเมืองที่ผสมผสานไปด้วยความหลากหลายสายพันธุ์แห่งนี้ เมืองที่มีตั้งแต่มนุษย์ ก็อบลิน นกเรเวน หมาป่า สุนัขจิ้งจอก เอลฟ์ ยักษ์ พรายน้ำ คนแคระ เม่น กบ ฯลฯ นี่มันยิ่งกว่า The Lord of the Rings อีก!  ในเนื้อเรื่องสัตว์ป่าทุกชนิดมีวิวัฒนาการมาหลายล้านปีจนมาถึงจุดที่สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนมนุษย์ (เว้นเสียแต่พวกมันโกรธ หรือต้องทำตามสัญชาตญาณดิบ ก็จะมีกริยาท่าทางตามแต่ละสายพันธุ์) และทุกๆชีวิตในเมืองต่างขาด ‘ผงภูต’ มิได้

[…]จมูกเขาทิ่มไปกลางอากาศอย่างหิวกระหาย สูดเข้าสุดแรง ชั่วขณะนั้นผงล้อเล่นกับเขา พองตัว หยอกล้อรอบตัวเขา กระทั่งสุดท้ายก็ไหลเข้าตัวเขาดังฟูด

ดัสต์ ซิตี้

อ่านจบแล้วก็ไม่จบเลย มานั่งวิเคราะห์ว่าถึงแม้สัตว์จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ ก็ยังคงมีการเหยียดสายพันธุ์กันอยู่ มนุษย์เป็นพวกที่มักคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นโดย (ในชีวิตจริงของมนุษย์เราก็มีความคิดเช่นนี้อยู่หลายคน) โดยเฉพาะหมาป่าที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกฆาตกร ส่วนพวกล่อก็ถูกใครหลายคนคิดว่าเป็นพวกโง่ มีวิวัฒนาการที่ช้าที่สุด เมืองเอเดน เมืองที่ใครๆต่างถวิลหาว่าเป็นเมืองสวรรค์ ที่ๆเต็มไปด้วยความโสภา งดงามเจิดจรัส มันคือเมืองของนางฟ้านางสวรรค์ สิ่งต่างๆประดับปะดาอย่างไร้ที่ติ ก็ไม่ต้อนรับพวก ‘สัตว์’

หากเทียบกับโลกทีเราอยู่ตอนนี้ก็ดูเข้าที โลกที่เราคิดว่าทุกสิ่งถูกหลอมเป็นหนึ่งเดียว แต่เปล่าเลย เรากำลังพยายามคิดว่า มันเป็นหนึ่งเดียวต่างหาก หรือที่เรียกว่าโลกในอุดมคติ แต่ปัญหาจริงๆมันยังถูกซ่อนอยู่ รอวันที่จะระเบิด อย่างใครว่าเรื่องการเหยียดผิวไม่มีแล้วในสังคม จนมันมาถึงขั้นสุดที่ประชาชนเกินกว่าจะเก็บมันไว้ในใจได้ คนต่างเดินออกมาประท้วง Black Lives Matter จากการเพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรมจากการที่คนผิวขาวรังแกคนอีกเผ่าพันธุ์ ตอนนี้แปรเปลี่ยนจากการหาความยุติธรรมเป็นการล่าแม่มดไปเสียแล้ว กลายเป็นคนผิวขาวเป็นผู้ถูกกระทำเสียแทน หรือนี่ไม่ใช่คืนความยุติธรรม แต่มันคือกรรมตามสนอง?  
การแบ่งชนชั้นในสังคมที่ยังมีให้เห็นไปทั่วทุกที่ ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่คนที่อยู่ชั้นบนสุดไล่ลงมาจนถึงคนที่ถูกเรียกว่าระดับรากหญ้า มันยังมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน และช่องว่างระหว่างชนชั้นกำลังจะห่างขึ้นเรื่อยๆ

บางครั้งเราอาจคิดว่าตัวเราดีกว่าคนอื่น มองคนอื่นด้อยกว่าเราไม่ว่าทั้งทางทรัพย์สินเงินทอง หรือสติปัญญา แต่หากเรามองขึ้นไปข้างบน คนที่อยู่บนนั้นก็คงมองเราต่ำกว่าเขาเหมือนที่เรามองคนที่อยู่ล่างกว่าเราเช่นกัน

ท้ายสุดแล้ว หมาป่าผู้กล้าจะไขความลับของ ‘ผงภูต’ ได้หรือไม่ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปพบคำตอบ