ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ : DEATH MASK
ชื่อภาษาไทย : –
เขียน : Ellis Peters
แปล : –
สำนักพิมพ์ : Headline Book Publishing PLC
จำนวนหน้า : 196 หน้า
ISBN : 0747233721
ภาษา : ไทย
ราคาปก : ₤2.99
ความคิดเห็น
หลังจากที่สั่งหนังสือออนไลน์กับ Bookdepository ดูท่าว่าน่าจะไม่มาถึงมือเร็วๆนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ต้องฟันฝ่า COVID-19 เราเองก็ไม่อยากขาดตอนที่จะต้องมีหนังสืออ่านก่อนนอนในทุกคืน เหมือนถ้าไม่ได้อ่านมันรู้สึกไม่ครบองค์ประกอบ ได้อ่านสัก 15 นาทีก็ยังดี เลยเดินไปที่ตู้เก็บหนังสือในห้องครัว (งงล่ะสิ่ตู้หนังสืออะไรมาอยู่ในห้องครัว) คุ้ยๆมาเจอหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้เข้า ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นทั้งหน้าปกและบนสันหนังสือด้านบนอีกตามเคย พอเห็นหน้าปกก็รู้เลยว่า ‘โบราณ’ หากอยากจะตอกย้ำความโบราณของหนังสือเล่มนี้บอกได้เลยว่าเวลาที่ตีพิมพ์ครั้งแรกก็เมื่อปี 1959 นู่น ผ่านมาแล้ว 62 ปี เปิดหนังสือไปดูก็ยิ่งเห็นชัดว่ามันเก่าจริงๆ กระดาษนี้สีเหลืองนวลเลยเชียว นอกจากนั้นยังมีกลิ่นของความเป็นกระดาษเก่าอีก
ชายนามหนึ่งชื่อ Evelyn ถึงแม้ว่าชื่อเขาออกจะเหมือนชื่อผู้หญิงมากกว่า แต่ในเรื่องนี้เขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีงาน เงินก็ไม่มี มีแต่ความดีและความรักที่มอบให้กับหญิงสาวสุดสวยอันเป็นรักแรกและรักเดียวของเขา Dorothy ผู้ซึ่งปฏิเสธคำขอการแต่งงานของเขาเมื่อทั้ง 2 ยังเป็นวัยแรกรุ่น สุดท้ายเธอก็ได้แต่งงานกับเศรษฐีนักโบราณคดีมั่งคั่ง ทว่าบทส่งท้ายในชีวิตครอบครัวจบลงที่ต่างฝ่ายต่างอยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องแยกกันอยู่ โดยมีข้อตกลงที่แสนปวดใจคือลูกชายคนเดียวของทั้ง 2 นามว่า Crispin จะต้องอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น
วันดีคืนดีขณะที่เศรษฐีกำลังทำงานที่ไซต์ขุดหาของโบราณ เขาก็เสียชีวิต แต่เหตุของการเสียชีวิตนี้มันช่างน่าสงสัยว่าอาจเป็นการฆาตกรรม เลยเป็นปมผูกเรื่องให้ตัวละครทั้งหมดมาเจอกัน โดย Evelyn ต้องมาทำหน้าที่เป็นครูส่วนตัวให้กับ Crispin ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เกิดจาก Dorothy กับเศรษฐีผู้ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เด็กชายวัยรุ่นคนนี้ เป็นเด็กที่เข้าถึงยาก หัวแข็ง และประพฤติตัวหนักข้อขึ้นทุกวัน แต่เพราะเป็นคำขอร้องแกมเชิญชวนจาก Dorothy สาวม่ายทรงเสน่ห์ผู้เคยมีอดีตอันหอมหวานด้วย พระเอกของเราก็ยินดีที่จะมาเป็นติวเตอร์ให้ ไหนๆก็ไม่มีงานอยู่แล้ว และจะได้อยู่ใกล้ชิดกับรักแรกโดยอยู่ร่วมคฤหาสน์เดียวกัน
At that stage the words didn’t matter, anyhow, it was the tune that counted.
DEATH MASK
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนรวมอาชีพของเศรษฐีผู้นี้ก็มาปรากฏตัวที่คฤหาสน์หลังนี้พร้อมกันถึง 2 คนโดยบังเอิญ…หรือเปล่า?
เมื่อมีตัวละครมากขึ้น เหตุการณ์ต่างๆภายในคฤหาสน์หลังใหญ่นี่ก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ ยิ่งพระเอกคนเก่งของเราใช้ชีวิตอยู่กับคนเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็เริ่มเข้าใกล้จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ในทุกๆที
เราเองไม่ได้อ่านนิยายแนววสืบสวนสอบสวนสักเท่าไหร่ เลยไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนนู้นเขามีแนวทางการเขียนอย่าง เพราะเรารู้สึกว่าบทมันเดิมๆ ที่อยู่ในดีๆ Crispin เด็กหัวดื้อก็มาเล่าความลับที่เก็บเอาไว้ให้พระเอกฟัง แล้วพระเอกของเรานี่ก็เก่งไปเกือบเสียทุกอย่าง ตัวร้ายมีอาวุธอยู่ในมือแต่ก็ดันตัดสินใจอะไรก็ไม่รู้ จะฆ่าก็ไม่ฆ่าไปให้รู้แล้วรู้รอด แล้วก็มีตัวละครสมทบที่ขี่ม้าขาวโผล่มาพอดิบพอดี เหมือนถูกบล็อคเอาไว้แล้วว่าต้องโผล่มาให้ได้ ถ้าเป็นชิงร้อยชิงล้านแล้วล่ะก็คงจะเป็น “ผม…หมื่นตำรวจเอก” ที่มาโผล่เอาตอนท้ายเรื่องอะไรทำนองนี้แน่นอน
เรื่องทั้งหมดนี้เราจะเห็นจากมุมมองของพระเอกฝ่ายเดียว พระเอกนึกอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไรก็เหมือนเราเป็นคนๆเดียวกับเค้า ติดที่พระเอกของเราพูดจาเยิ่นเย้อ คิดเยอะอย่างเนิบนาบไปเสียหน่อย ออกแนวแบบตัวละครในละครน้ำเน่าที่ชอบมีเสียงพูดในหัวให้คนดูรู้กันแบบโต้งๆไปเลย
เรื่องนี้ตัวละครไม่เยอะ จะมีสิ่งที่ออกมาให้เราเอะใจเล่นตั้งแต่ตอนแรก คือไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก รู้ว่าตัวละครนี้ต้องมีการเฉลยในภายหลังแน่นอน เพียงแต่ว่า ณ ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเป็นใครก็เท่านั้น เนื้อเรื่องทุกอย่างจะถูกเฉลยในบทท้ายๆเลย ที่ออกมาพูดๆๆเฉลยกันในตอนจบ คนร้ายก็มักจะทำอะไรเปิดช่องให้พระเอกผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถต่อรองได้แม้แต่น้อยได้แสดงบทฮีโร่ปกป้องคนที่เขารักได้ตามสูตรตามสไตล์ละครไทยสมัยก่อน