ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ : School of Fear
ชื่อภาษาไทย : โรงเรียนสยบความกลัว 2 – ชั้นเรียนที่ห้ามพลาด
เขียน : Gitty Daneshvari (กิตตี้ ดาเนชวารี)
แปล : วิรัสวัณย์ ลิมปินันทน์
สำนักพิมพ์ : อิ่มอ่าน
จำนวนหน้า : 192 หน้า
ISBN : 9786167818436
ความคิดเห็น
ก คือ กลัว
หลังจากได้รู้ว่าอดีตนักเรียนแต่ละคนกลับไปเป็นเช่นเดิมอย่างลับๆ ครูใหญ่ผู้ไม่เหมือนใครอย่างมิสซิสเวลลิงตันสั่งขอให้แมดเดอลีน ธีโอ ลูลู่ และแกร์ริสันมาทบทวนการฝึกภาคฤดูร้อน การเผชิญความหวาดกลัวน่ากลัวมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อทั้งสี่รู้ว่าจะมีนักเรียนคนที่ห้ามาร่วมด้วย เรื่องราวก็ยิ่งน่าพรั่นพรึง.. เรื่องราวเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อนักเรียนรู้รวดเร็วว่ามีหน้าที่ต้องกอบกู้โรงเรียน ในเมื่อการล้มเหลวหมายถึงใช้เวลาที่เหลือตลอดชีวิตกับความกลัวที่แก้ไม่หาย นี่จึงเป็นบททดสอบที่ทุกคนตั้งใจจะให้ได้ที่หนึ่ง
สนุกมากๆๆๆ แทบจะวางไม่ลง อาจเป็นเพราะเป็นคนที่ชอบอ่านแนววรรณกรรมเยาวชนอยู่แล้ว เอาใส่กระเป๋าทุกวัน พอขึ้นรสบัสระหว่างเดินทางนี่ต้องหยิบออกมาอ่าน ถือว่าอ่านจบเร็วมากถ้าเทียบกับเวลาที่มี ดัชนีการอ่านแบบนี้รู้เลยว่าตัวเองสนุกไปกับหนังสือเล่มนี้มาก ‘โรงเรียนสยบความกลัว – ชั้นเรียนที่ห้ามพลาด’ เป็นภาคต่อของเล่มหนึ่งที่นอกจากจะมีตัวละครเพิ่มขึ้นเป็นนักเรียนใหม่ลูกครึ่งอินเดียปากสว่าง (ไฮยาซินธ์) ที่มาพร้อมกับเพื่อนรักเจ้าพังพอนน้อยได้สร้างปัญหาครั้งใหญ่ให้กับโรงเรียน และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ความกลัวของเหล่าศิษย์ในหนังสือเล่มแรกก็ยังไม่หายไปแบบ 100%
ภายในหนังสือเล่มนี้ยังเปิดเผยความลับของเด็กชายที่อยู่ในป่า กล่าวถึงความเป็นมาว่าทำไมมิสซิสเวลลิงตันครูใหญ่ของโรงเรียนสยบความกลัวไม่สามารถรักษาเขาได้ และนี่เป็นเหตุผลที่เขาถึงเอาแต่หลบเร้นอยู่ในป่านอกโรงเรียน แล้วเขายังเป็นคนปกติหรือไม่หลังจากใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ในป่ามานาน?!?
“แมดเดอลีน ลูลู่ แกร์ริสัน และธีโอเงียบกริบ พวกเขาไม่ขยับแม้แต่พยักหน้า จดใจรอฟังเรื่องราวต่อไป นี่คือการเปิดเผยความจริงครั้งสำคัญ พวกเขาต้องใช้เวลาคิด เพราะเรื่องนี้มีผลต่อภารกิจ…
โรงเรียนสยบความกลัว – ชั้นเรียนที่ห้ามพลาด
ธีโอ หนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสยบความกลัวผู้เจริญอาหาร มักจะกล่าวอะไรที่มันเกินจริงและพยายามพูดให้ตัวเองดูโตแบบผู้ใหญ่ แต่กลายเป็นเรื่องชวนหัวเราะแทนเพราะความไร้เดียงสา แต่ละสิ่งอย่างที่เจ้าตัวพูดมานี่ถึงกับต้องยิ้มมุมปากเลยทีเดียว เขามักจะถูกลูลู่สาวห้าว ผมแดง กระแนะกระแหนอยู่เป็นประจำ อ่านๆไปแล้วก็นึกถึงเวลาที่เราชอบแซะคนอื่นแบบฮาๆ (นิสัยไม่ดีเลยเรา) ส่วนคู่จิ้นแมดเดอลีนกับแกร์ริสันก็น่ารักกุ๊กกิ๊กตามสไตล์เด็กกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
มิสซิสเวลลิงตัน ครูใหญ่ประจำโรงเรียนก็ยังคงมีบุคลิกที่แปลกชวนฮา อ่านไปก็นั่งขำไปว่าถ้าเจอคนแบบหล่อนนี่ต้องทำตัวอย่างไรดี เพราะเธอเล่นทำตัวเหมือนปกติแต่แปลกสุดๆในสายตาคนอื่น (ในสายตาชาวโลกด้วยซ้ำ) ภายในเล่มนี่จะเป็นการเปิดเผยที่มาที่ไปของการมาซึ่งนามสกุลเวลลิงตัน
ชมิดตี้ คู่หูผู้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่มิสซิสเวลลิงตันก็ดูจะชาชินกับพฤติกรรมและการแต่งตัวของหล่อนเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติก็ไม่ยอมไปไหน เขาจะอยู่ที่นี่รับใช้ครูใหญ่ของเรา ต่อสู้เพื่อโรงเรียนอันเป็นที่รักของนักเรียนต่อไป นอกจากความสนุกที่เราจะได้เจอในหนังสือชุดโรงเรียนสยบความกลัว ตัวละครใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็ทำให้เรากลับมานั่งทบทวนตัวเองได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยความกลัวของไฮยาซินธ์เป็นความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องหาเรื่องอยู่กับใครคนใดคนหนึ่งให้จงได้ แต่เนื่องด้วยการพูดมากจนเกินไปของเธอทำให้เพื่อนต่างเอือมระอา
บทสนทนาในหนังสือลื่นไหลเป็นอย่างดี ต้องขอชมคนแปลเลยทีเดียว เพราะเคยเจอหนังสือที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว อ่านไม่ไหว ถึงขนาดว่าต้องเค้นอ่านให้จบ (ทั้งๆที่เล่มนั้นมีรูปเยอะมาก) เพราะแปลเป็นไทยแล้วประโยคในหนังสือมันออกมาแบบจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แบบงงๆ
หากลองมองย้อนดูนิสัยของมนุษย์โลก แน่นอนว่าเราเป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวได้ แต่กับสาวน้อยคนนี้เธอเป็นเอาหนักมาก ลองคิดดูว่าหากเราจะทำอะไรก็ตามแต่เมื่อหันมาก็ ทาดา…! เจอคนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ คอยพูดอะไรต่อมิอะไรเข้าหูจนปวดหัวก็คงจะไม่สนุกเลยใช่ไหม? ฉะนั้นการทำอะไรคนเดียว อยู่กับตัวเองบ้างจึงเป็นสิ่งจำเป็น เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อความสบายใจของคนอื่นเป็นหลัก แต่เราควรจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อใช้เวลาทบทวนตัวเอง กลั่นกรองความคิดของเราเสียบ้าง แล้วเราจะได้รู้ว่าการที่ไฮยาซินธ์ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ต้องคอยตามคนอื่นแจ ส่งผลอะไรกับเธอบ้าง คุณสามารถหาคำตอบได้ภายในหนังสือเล่มนี้
อ่านๆไปก็ลองนึกว่าถ้าหากเป็นผู้กำกับสนใจมาจับไปทำหนังมันจะเป็นอย่างไรหนอ…
***************
หน้าที่พิมพ์ผิด
หน้า 106 “…การเลือกตั้งใหม่เป็นเรื่อยุ่งยาก…” ควรต้องเป็น “…การเลือกตั้งใหม่เป็นเรื่องยุ่งยาก…”